@@@ ตะกรุดพิสมร หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม @@@
ตะกรุด เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ผูกพันกับคติความเชื่อในสังคมไทยมาช้านาน เพื่อความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง รวมทั้งด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ กลับดวง พลิกชะตา เลื่อนยศ ร้ายกลายเป็นดี ฯลฯ
ตะกรุดพิสมร ลพ.แก้ว วัดพวงมาลัย จัดว่าเป็นตะกรุดพิสมรอันดับหนึ่งของเมืองไทย นับว่าเป็นต้นบัญญัติของตะกรุดชนิดนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งโบราณคณาจารย์เครื่องรางของขลังยุคเก่าท่านจัดอยู่ในชุดเครื่องรางมงคล ๙ สะท้านแผ่นดิน ในลำดับที่5
ดังเครื่องราง คำกลอน มงคล๙ ดังนี้
“หมากดี ที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลัง วัดนายโรง
ไม้ครู คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบิน วัดหนองโพ
พิสมร วัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้าย วัดโตนดหลวง
ราหู คู่วัดศรีษะ แหวนอักขระ วัดหนองบัว
ลูกแร่ ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน
ก้าสิ่งล้วนป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา
ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ”
ประวัติโดยสังเขป หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ท่านเกิดเมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๓๙๓ ที่ ต.บางแค อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม (ข้อมูลบางแห่งระบุว่า ปีมะแม ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๐ และวันเดือนปีเกิดของหลวงพ่อแก้ว น่าจะเป็นวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ปีระกา ตรงกับพ.ศ. ๒๓๙๒ มีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ท่านเป็นลูกคนกลางในวัยเด็ก หลวงพ่อแก้วได้ศึกษาวิชาจากบิดา ซึ่งเคยเป็นทหารวังหน้า และเป็นผู้มีวิชาแก่กล้าเชี่ยวชาญในคาถาอาคมมาก
หลวงพ่อแก้ว บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุได้ ๑๐ ปี ที่วัดบางแคใหญ่ และได้อุปสมบทที่วัดเดียวกัน โดยมี หลวงพ่อเพ็ง วัดบางแคใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังอุปสมบทได้ ๑ พรรษา ได้ย้ายไปอยู่กับพระอาจารย์เกตุ ผู้เป็นพี่ชาย และได้อุปสมบทอยู่ที่ วัดทองนพคุณ ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี ต่อมาท่านได้ย้ายมาอยู่ที่วัดช่องลม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และได้รับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพวงมาลัย จนถึง พ.ศ.๒๔๖๑ ท่านได้มรณภาพ สิริรวมอายุได้ ๖๙ ปี
( ข้อความข้างบนคัดจากหนังสือประวัติ และอภินิหาร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม) พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จทอดพระเนตร วัดบ้านแหลม วัดพวงมาลัยทรงพิจารณาเห็นว่าวัดทั้งสองนั้นเจริญดีมีคนขึ้นมาก ด้วยวัดทั้งสองนี้มีพระขลังและศักดิ์สิทธิ์อยู่วัดละองค์
คือ วัดบ้านแหลม มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่องค์หนึ่ง เป็นพระพุทธยืนอุ้มบาตรอยู่ในอุโบสถ มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนวัดพวงมาลัย มีพระสงฆ์อาคมขลัง ชื่อพระวินัยธรรม (แก้ว) เป็นเจ้าอาวาสชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อแก้ว
มีคนขึ้นมาก ชื่อเสียงเลื่องลือมากอยู่ในสมัยนั้น ซึ่งยืนยันได้ว่าหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ท่านเก่งกล้าสามารถในด้านพุทธาคมเป็นยิ่งนัก สำหรับวัตถุมงคลของท่านนั้นนอกจากเหรียญแล้ว ครั้งนี้จะแนะนำให้ท่านได้รู้จักของดีของท่านอีกประการหนึ่งคือ ตะกรุดใบลานบางปืน
หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มีความเชี่ยวชาญทางสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีคนนับถือมาก เชื่อกันว่าท่านสำเร็จญาณวิเศษ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ ได้ทั้งปัจจุบัน อดีต และอนาคต เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่อง ตะกรุด ที่ทำจากใบลาน ที่หลวงพ่อเจาะจงทำให้บรรดาลูกศิษย์ และญาติโยมใกล้ชิด ที่เคารพนับถือท่านเป็นการเฉพาะ รวมทั้งเหรียญ ผ้ายันต์ และลูกอม มีผู้นิยมกันมาก เลื่องลือกันว่า ด้านคงกระพันชาตรีดีเป็นเลิศ ปัจจุบันแต่ละอย่างล้วนมีราคาแพงมาก
เมื่อคราวที่เกิดอหิวาตโรคระบาด ชาวบ้านไปขอน้ำมนต์จากท่านมาอาบและดื่มกินแล้วหายจากโรคกันมาก ชื่อเสียงของท่านก็โด่งดังเลื่องลือไปถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินในกรุงเทพฯ มีเจ้านายหลายพระองค์มาเยี่ยมหลวงพ่อแก้ว เช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช เป็นต้น
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชทรงมีรับสั่งต่อพระองค์เจ้าหญิงเฉลิมเขตต์มงคลว่า"สิ้นหลวงพ่อแก้วแล้ว ท่านวัดช่องลม ท่านวัดบางกะพ้อม เชื่อถือได้"
ถ้อยความรับสั่งประโยคนั้น ยังติดตรึงมาตราบเท่าทุกวันนี้ ถึง 3 พระเกจิอาจารย์ดังแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง "สมุทรสงคราม" แห่งนี้
ตะกรุดพิสมรเป็นเครื่องรางชุดเล็ก ตะกรุดมีขนาดเล็กแต่ทว่าขั้นตอนการสร้างนั้นยุ่งยาก โดยท่านจะนำใบลานจากตำบลบางปืน มาลงอักขระตามตำรา เหตุเพราะชื่อ "บางปืน" นั้นจะเพี้ยนเสียงคล้าย "บัง ปืน" ตะกรุด ของท่านจะยึดถือเอา ใบลาน เป็นหลักในการทำ โดยท่านเจาะจงจะต้องนำมาจาก ต้นตาล ที่ขึ้นอยู่ที่ ปากคลองบางปืน เท่านั้น (ปัจจุบัน บ้านบางปืน อยู่ที่หมู่ ๖ ต.นางตะเคียน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม)
โดยใบลานที่ได้นี้จะเป็น ยอดใบลานเดือน ๕ เป็นใบลานอ่อนเท่านั้น
*** (แสดงว่าใน1ปี จะทำตะกรุดได้เพียง1ครั้งเท่านั้น) ***
ตากแห้งม้วนไม่แตก ต้นตาลที่ว่านี้ จะขึ้นโดดเดี่ยวกลางทุ่งบ้านบางปืน
สาเหตุที่ต้องใช้ ใบลานปากคลองบางปืน หลวงพ่อแก้ว บอกว่า เพราะชื่อ "บางปืน" ที่เพี้ยนเป็น "บังปืน" ให้ความหมายในการข่มนาม ใช้ชื่อในการสะกดลงอักขระเลขยันต์ เพื่อบ่งบอกให้ เทพ เทวดา ฟ้าดิน ได้รับรู้ว่า ของของท่านใช้ดีทางไหน เป็นอุปเท่ห์ในการลงวิชาอาคม อันเป็นเคล็ดลับของการลงเครื่องรางของขลังประการหนึ่ง คือ การข่มนามแจ้งเทพ
ในสมัยนั้น ดงใบลานของบางปืน การคมนาคมลำบากยากยิ่ง ไม่ง่ายเหมือนอย่างสมัยนี้ เมื่อท่านสั่งให้ลูกศิษย์เดินทางไปตัด ใบลานจากบ้านบางปืน มักมีผู้ถามหลวงพ่อว่า ทำไมถึงต้องไปเอาไกลขนาดนั้น หลวงพ่อตอบว่า "อยากได้ของดีก็ต้องรี่ไปเอา ไกลแค่ไหนถ้าไม่ไป ก็ไม่ได้ของดี" เมื่อได้ ใบลาน จาก บางปืน มาแล้ว ท่านจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ ๕-๖ นิ้ว แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาลงอักขระบนใบลาน ด้วยตัวขอม
อักขระเลขยันต์ ที่ลงภายในตะกรุด ตัวตรงกลางลงด้วย อะ มิ ซ้อนกันอยู่ อะ คือตัวสำเร็จมาจาก อะ ระ หัง
มิ คือยอดศีลมาจาก พุท ธะ สัง มิ
อักขระทั้ง๔มุม ลงด้วยหัวใจสี่สมิง คือ ภู ภิ ภุ ภะ (ดีทางด้านอำนาจตบะ เดชะ เป็นที่เกรงกลัวแก่คนทั้งหลาย มีอำนาจเหนือศัตรู)
อักขระตัวบนสุดเรียกว่า นะอุด อักขระแถวล่างสุดลงด้วยหัวใจมหาอุด คือ อุท ธัง อัท โธ และคุมหัวท้ายด้วยยันต์ใบพัด (ยันต์กลึง)
โดยตะกรุดพิสมรของท่านนั้น ท่านจะทำเฉพาะตอนที่ออกธุดงค์ และเลือกฤกษ์มงคลที่เหมาะสม เล่ากันว่าแม้จะมีเสียงนกร้องระงมทั่วป่า พอท่านเริ่มบริกรรมแล้วเริ่มเขียน อักขระเท่านั้น สรรพเสียงก็จะเงียบสงัด จนท่านลงอักขระครบถ้วนถึงจะกลับมาส่งเสียงเซ็งแซ่เหมือนเดิม
ขั้นตอนการถักเป็นตะกรุดนั้นจะมาทำที่วัด มีทั้งลายนิยมจักรนารายณ์ , ลายพันแบบธรรมดา จะพันด้วยด้ายสายสิญจ์ ไม่ใช่การถักลาย การพันเเบบนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า หลวงพ่อจะพันด้วยตัวท่านเองระหว่างการพันด้าย ท่านจะบริกรรมคาถาไปด้วย ให้สังเกตจะเป็นการพันแบบง่ายๆ แล้วจึงนำมาจุ่มรักในภายหลัง (บางดอกพบว่ามีการพันใน และถักหุ้มอีกชั้นด้านนอกก็มีเช่นกัน ซึ่งแบบนี้จะรักษาสภาพใบลานด้านใน ให้คงสภาพได้ดีกว่าการถักหุ้มชั้นเดียวทั่วๆไป) จะมีทั้งที่ลงรัก ลงรักปิดทอง และไม่ลงรักมาแต่เดิมก็มีเช่นกัน
ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด กำบัง ดีมาก และยังมีมหานิยมซ่อนในตัวอีกด้วยครับ
***** <<< โดยเฉพาะด้านประสบการณ์คงกระพันหนังเหนียว โดนจ้วงแทงหลายทีไม่เข้า!!! >>> เรื่องนี้ผู้เขียนได้รับฟังมาจากพี่เกร็ดเพชร พี่ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ และเป็นทั้งอาจารย์ผมอีกท่านหนึ่ง ท่านเล่าว่าเพื่อนของท่านไปมีเรื่องกับนักเลง โดนรุมแทงนับครั้งไม้ถ้วน ปรากฏว่าไม่เข้าเลย ในตัวเพื่อนนั้นมีพิสมรหลวงพ่อแก้วเพียงชิ้นเดียวจริงๆ
สำหรับคาถาในการอาราธนาตะกรุดใบลานบังปืน ให้ตั้งนะโม ๓ จบ เอาตะกรุดจบที่หน้าผาก แล้วว่าคาถา ดังนี้
"ภูภิ ภุภะ อะมิ อุทธัง อัทโธ นะโมพุทธายะ"
เมื่อคาดเข้าติดตัว ให้ว่าคาถาเวลาผูกปมเชือก ดังนี้
"ภูภิ ภุภะ อะมิ อิมังกายะพันธะนัง อธิษฐามิ"
<< หมายเหตุ >> : ถ้าเป็นตะกรุดลูกเล็กๆ เเบนๆ จะเรียกว่า ตะกรุดพิสมร
ส่วนดอกยาวขึ้นมาหน่อย ป้อมๆ อ้วนๆ ลักษณะเหมือนกลองเพลวัด จะเรียกว่า ตะกรุดลูกกลอง ถ้าดอกยาวๆ มีทั้งถักเชือก และไม่ถักเชือก เป็นใบลานเปล่าๆ ลงอักขระแล้วม้วน มีที่ปิดทองเก่าก็มี แต่พบเห็นได้น้อย โดยมากจะเสียหายหมด เรียกว่า ตะกรุดใบลาน ตะกรุดทั้งหมดนี้ เรียกรวมๆ กันว่า ตะกรุดใบลานบังปืน
SPECIALS THANK ท่านนายกฯ สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย (ป๋าพยัพ คำพันธุ์) คณะกรรมการชุดเครื่องรางยอดนิยมทุกท่าน , เวปเครื่องรางไทยดอทคอม , หนังสือ อาณาจักรพระเครื่อง เล่มที่ ๒๔ ปี พ.ศ.๒๕๑๘ , คุณโกนนท์ ภูเก็ต , คุณเอกชัย โกยสมบัติ , พี่เกร็ดเพชร (คุณสุวัฒน์) , คุณสถิต ราชบุรี , คุณแต้ ขมังเวทย์ , คุณก้อง ทักษิณเทวราช , คุณตุ๊ก สองพี่น้อง , คุณแจ้ เสนา , คุณเมธี มรดกไทย , คุณวัต ท่าพระจันทร์ , คุณกุ้ง เดชฤทธิ์เทวัญ , คุณเชน เชียงใหม่ , Mr. Teoh EE Young Malaysia , คุณ namo2515 ฯลฯ