ประวัติหลวงพ่อพิธ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๕ ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน  ในสมัยหนุ่มๆ เมื่อได้บวชเรียนแล้วได้ไปศึกษาพุทธาคม จากแหล่งต่าง ๆ โดยเคยอยู่ที่วัดหัวดง วัดบางคลาน วัดวังปราบ วัดบางไผ่ วัดดงป่าคำ วัดสามขา  ต่อมาก็ย้ายมาอยู่ที่วัดใหญ่ (วัดมหาธาตุ พิษณุโลก) จากนั้นก็กลับไปอยู่ที่ จ.พิจิตรและมรณภาพที่วัดฆะมัง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๘ ***สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านมีดวงตาที่ดุมากจนเรียกท่านว่า “หลวงพ่อพิธตาเสือ” หลังจากท่านได้มรณภาพทางวัดได้ทำการฌาปนกิจศพท่าน เป็นที่อัศจรรย์ว่าดวงตาทั้งสองข้างของท่านกับมิได้ไหม้ไฟแม้แต่น้อย ชาวบ้านเลยขนานนามท่านว่า "หลวงพ่อพิธตาไฟ" ***ประสบการณ์ตะกรุดหลวงพ่อพิธมีอานุภาพด้านคงกระพันสูงมาก เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม ในหมู่ลูกศิษย์อย่างมาก คือระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๗๐ - ๒๔๘๕ ในครั้งนั้นตะกรุดหลวงพ่อพิธออกให้เช่าบูชาเพื่อทำบุญสร้างพระอุโบสถที่วัดสามขา ถึงดอกละ ๑๐ บาท โดยที่รูปหล่อหลวงพ่อเงินราคาไม่เกิน ๑๐ บาท นับว่าราคาสูงมาก ผู้ไม่ศรัทธาจริง ๆ คงไม่มีใครแสวงหา   มีผู้เล่าว่ามีผู้ใช้หลายรายโดนทั้งปืนทั้งมีดไม่เคยระคายผิว ตระกรุดที่ลงยันต์อะสิสัตติ ธนูเจวะ ฯ นี้ ซึ่งเป็นยันต์ที่มีมาแต่โบราณกาล เกจิอาจารย์รุ่นเก่าใช้กันมาก ยันต์อสิสัตติหรือพระเจ้าห้ามอาวุธ "ตะกรุดคู่ชีวิต" ในสมัยก่อนเราเรียกยันต์นี้ว่า ยันต์คู่ชีวิต คือ มีอยู่แล้วชีวิตอยู่คง เป็นยันต์ที่ได้ใช้กันมานาน เป็นยันต์ ๆ หนึ่งในตำราพิชัยสงครามได้ระบุไว้ ***ลักษณะตะกรุดหลวงพ่อพิธ ของท่านส่วนใหญ่มักมีแกนกลาง (อั่ว) เป็นทองเหลือง และแผ่นตระกรุดนั้นเป็นตระกั่วน้ำนม ตะกรุดของท่านเด่นในด้านความคงกระพันและแคล้วคลาดเป็นยิ่งนัก***ในปัจจุบันของเทียมมีอย่างมากมายที่นิยมทำกันคือการนำตะกรุดเก่ามาเปลี่ยนอั่ว ท่านใดต้องการของจริงไว้ใช้ต้องพิจารณาให้ดีอย่างรอบคอบ***คาถาที่ลง อะสิ สัตติ ธะนู เจวะ สัพเพ เต อาวุธ ธา นิจจะ ภัคคะ ภัคคา วิจุณ ณานิ โลมัง มาเม นะ ผุสสันติ.***