ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :5,239
@@@ อมตวาจาของกลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร นครปฐม ท่านกล่าวไว้ว่า..,@@@
***** "ของของคนอื่นกูไม่รู้..,ของของกูกูรับรองได้!!!" *****
สมญานาม..,ตะกรุดโทนครอบจักรวาล ร้อยว่านนางพญาท้าวเอว อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสายคาดเอว ในหัวตะกร้อมีผ้าแดงลงอักขระ(พร้อมของด้านใน) รุ่นแรก ปี19
(เก็บมานานเป็นสิบกว่าปีได้เท่าที่เห็นนี้ เพียง3ชุด)
พระครูเกษมนวกิจ(หลวงพ่อเต้า), วัดเกาะวังไทร นครปฐม
ท่านนั้น ฤานาม หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร นครปฐม ซึ่งหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ยังยกย่องว่า
"ท่านเต้า วัดเกาะวังไทร เขาเป็นเต้าทอง ไม่ใช่เต้าปูน"
ท่านเกิดเมื่อ ๒๐ ก.ย. ๒๔๕๑ บวชเมื่อ ๒ พ.ค. ๒๔๗๒ มรณะ วันที่ ๒๑ พ.ค. ๒๕๓๕ (วันพฤหัสบดี แรม ๕ คํา
เดือน ๖) เวลา ๐๖.๐๐ น. ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี ๘ เดือน ๖๒ พรรษา
พระสหธรรมิก ที่สนิทสนมเป็นพิเศษ ทั้งอายุพรรษาอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน มีหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ,
หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
หลวงพ่อเต้ามรณะเป็นรูปแรก(ศพท่านไม่เน่าหลังจากเก็บไว้ ๑๐๐ วัน แล้ว)
ตามมาด้วยหลวงพ่อแช่ม(ทางวัดเก็บอยู่ในโลงไม่ได้เผาเหมือนหลวงพ่อเงิน
ถามคนที่วัดท่านบอกว่าศพไม่เน่าเหมือนกัน) และหลวงพ่อหลิวเป็นรูปสุดท้าย
"หลวงพ่อเต้า" เป็นพระที่มีศีลาจารวัตรน่าเคารพเลื่อมใส
ท่านไม่เคยติดยึดลุ่มหลงในยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ยึดติดในลาภสักการะ
ตลอดชีวิตของท่านมีแต่การสงเคราะห์ช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือกับหน่วยราชการและประชาชนโดยตลอด
จะมีกี่คนที่ทราบว่า หลวงพ่อขายที่ดินอันเป็นมรดกส่วนตัวของท่าน
เพื่อนำเงินมาสมทบทุนสร้างอุโบสถหลังใหญ่ของวัดเกาะวังไทร
ความไม่ติดยึดลุ่มหลงในยศถาบรรดาศักดิ์ของหลวงพ่อ ความมักน้อยสันโดษ
ยิ่งเพิ่มพูนศรัทธาแก่ผู้เคารพนับถือทวีคูณยิ่งขึ้น สังฆสาวกของพระตถาคตรูปนี้ กราบได้ ไหว้ได้
อย่างสนิทใจ
*** ในเรื่องนี้แม้แต่พระเถระผู้ใหญ่ของ จ.นครปฐม เป็นต้นว่า พระศรีรัตนโมลี วัดเสถียรรัตนาราม
รองเจ้าคณะ จ.นครปฐม พบเห็นหลวงพ่อเต้าที่ใด พระเดชพระคุณท่านจะกราบแทบเท้า หลวงพ่ออยู่เสมอ
แสดงให้เห็นถึงความเคารพอย่างสูงสุด คนที่ไปหาท่าน นั่งที่ขั้นบันไดเสมอเหมือนกันหมด
ในเรื่องเครื่องรางของขลังนั้น ถ้าอยู่ใกล้ๆมือท่านแล้ว หลวงพ่อแจกไม่อั้น ไม่สนใจเรื่องกำไรขาดทุน
บิดาท่านชื่อ นายบุญ มารดาท่านชื่อ นางฮวย ห้วยหงส์ทอง
บรรพชาอุปสมบท
ณ พัทธสีมาวัดตาก้อง ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
พระครูอุตตรการบดี (สุข) วัดห้อวยจระเข้ ตำบลพระปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต วัดตาก้อง ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นพระกรรมวาจารย์
พระใบฎีกาล้ง วัดห้วยจระเข้ ตำบลพระปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นพะอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า \\"เขมโก\\"
หลวงพ่อเต้า (พระครูเกษมนวกิจ) หรือหลวงพ่อเต้า เขมโก ซึ่งมีฉายาเหมือนหลวงพ่อเกษม เขมโก
และที่แปลกกว่านั้น คือ หน้าตาของท่านทั้งสองละม้ายคล้ายคลึงกันมาก
สิ่งที่ท่านไม่ชอบก็คือ การประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงของตนเอง โดยเปรียบเทียบว่า "ไม่ใช่พลุ
ไม่ต้องมาจุดให้ ดังแล้วก็เงียบหายไป" หรือไม่ก็พูดแทงใจตรงๆว่า "คนสมัยนี้หน้าคนไม่ยอมใส่
เที่ยวไปเอาหน้าม้ามาใส่แทน" และคอยพรําสอนศิษย์เสมอว่า "เรามาแต่ตัว
เมื่อตายไปอะไรก็ถือติดมือไปไม่ได้ มีแต่ความดีที่เคยทำไว้ พอจะให้คนเขานึกถึงได้บ้าง"
ปลุกเสกนํามนต์ร้องเป็นเสียงจิ้งจก มีเรื่องเล่าสืบมาว่าหลวงพ่อแช่มได้ครอบวิชา
นํามนต์ร้องไห้ไว้ให้หลวงพ่อเต้า เรื่องนี้ศิษย์รุ่นเก่าๆทราบดี เพราะเคยเจอมากับตัวเอง เล่ากันว่า
*** บาตรนํามนต์ของหลวงพ่อ เมื่อสงัดคนจะมีเสียงจุ๊ๆๆ เหมือนจิ้งจกทัก ดังมาจากข้างใน
ผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิดก็รีบไปดู คิดว่าจิ้งจกจะตกลงไป กินนําแล้วพลาดตกลงไป
หากไม่ไปเอาขึ้นก็จะตายในบาตรนํามนต์ หลวงพ่อจะต้องทำใหม่ ปรากฏว่าไปดูใกล้ๆ
ชะโงกไปดูเอาไฟฉายส่องก็ไม่เห็นจิ้งจกสักตัว แต่เสียงดังจุ๊ๆ ก็ยังคงมีอยู่แล้วก็ค่อยๆ หายไป
บางบ้านตักนํามนต์ของหลวงพ่อไปใส่ขันไว้ที่บ้านก็มีเสียงจุ๊ๆ ดังมาจากภาชนะเหมือนกัน
และตุ่มนํามนต์ใหญ่ที่หนาหลวงพ่อศิลาแลง(หลวงพ่อแดง พระพุทธรูปศักสิทธิ์ ประจำวัด)
อันเป็นตุ่มนํามนต์กลางที่ผู้คนจะพากันไปตักกลับบ้าน หากหลวงพ่อเต้าไม่อยู่วัด
เพราะหลวงพ่อทำไว้เป็นส่วนกลาง เสียงจุ๊ๆ จะดังขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดวันตลอดคืน
ไปค้นหาดูเถอะไม่มีจิ้งจกสักตัว และเสียงไม่ได้ดังมาจากฝา หรือเพดาน
แต่ดังมาจากบาตรและตุ่มนํามนต์จริงๆ
ที่นับว่าเล่าลือกันอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือในงานพุทธาภิเษก ในวัดใหญ่แห่งหนึ่งในนครปฐม
มีพระเกจิอาจารย์ร่วมนั่งปรกกันมาก เจ้าภาพตั้งบาตรนํามนต์ไว้หน้าอาสนะ
ที่พระเกจิอาจารย์จะนั่งปรกปลุกเสก และจุดเทียนนํามนต์เอาไว้ที่ปากบาตร
พอพิธีเริ่มไปได้ไม่นาน ฝนก็ตั้งเค้าลมกระโชกมาอย่างรุนแรง เทียนนํามนต์ในที่บาตร
ของพระเกจิที่นั่งปรกถูกลมพัดดับหมด
*** เหลือแต่เพียงเทียนที่ปากบาตรนํามนต์หน้าหลวงพ่อเต้า
ยังไม่ดับและเปลวไฟตั้งตรงเหมือนไม่โดนลมพัดอีกด้วย
หลวงพ่อเต้านั้นท่านมีฌาณสูง และในการนั่งปรกทุกครั้ง หลวงพ่อจะกำหนดจิตนั่งปรกเป็นเวลานาน
เรียกว่าไม่มีพักยกหลับตาเข้าฌาณแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปตามที่หลวงพ่อกำหนด
ท่านก็จะออกจากฌาณเหมือนตั้งนาฬิกาปลุก ไม่ต้องไปยุ่งกับท่าน
แม้พระเกจิส่วนใหญ่จะกลับกันหมดแล้ว แต่ถ้าไม่ถึงเวลาที่กำหนดไว้ในงาน หลวงพ่อก็จะนั่งอยู่อย่างนั้น
จนถึงเวลาจะออกจากฌาณ
นางกวักของหลวงพ่อ นั่งโยกตัวไปมา เหมือนมีชีวิต บางท่านพบว่ากำลังลุกขึ้นเดินด้วยซ้ำ
เสกเสากระทู้ปักกลางวัด คนมายิงนกยิงปลาภายในวัด ปาฏิหาริย์ปืนยิงไม่ออก
ประสบการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์นั้น มีประจักษ์พยาน และมีหลักฐานยืนยันได้ แต่หลวงพ่อกลับบอกว่า
"อิทธิปาฏิหาริย์ไม่ใช่วิถีทางของการดับทุกข์ ดั่งที่พระพุทธองค์ท่านสอนไว้
อิทธิปาฏิหาริญ์ไม่สามารถทำให้พ้นทุกข์ได้ ศีล สมาธิ ปัญญา
เท่านั้นที่จะทำให้หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารได้"
"หลวงพ่อเต้า" เป็นพระที่สมถะ พูดน้อย คมในฝัก จึงเข้าตำราที่ว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้
ของพูดได้ของไม่จริง" ปฎิปทางดงามจนเป็นที่เลื่อมใสแก่ผู้พบเห็น
การปฎิบัติธรรมตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เคร่งครัดยิ่งนักเรื่องความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยนี้ ประจักษ์ปละประทับใจผู้ได้พบเห็น
ทั้งต่อหน้าและลับหลังญาติโยม ศีลาจารวัตรของท่านสะอาดบริสุทธิ์
สมณสารูปของหลวงพ่อ ผู้ใดพบเห็ฯเป็นต้องศรัทธา รูปร่างของหลวงพ่อผอมสูง ผิวดำแดง กร้านแกร่ง
แต่แฝงไว้ด้วยความอดทน เข้าตำรา "สัตว์พี ฤาษี ผอม" ความอดทนและเพียรอย่างยอดเยี่ยมของหลวงพ่อ
เป็นผลานิสงส์จากการธุดงค์วัตรรอนแรมตามป่าเขาลำเนาไพรมาอย่างโชกโชนนั่นเอง
ดวงตาของหลวงพ่อ เป็นแระกายด้วยตบะเดชะแห่งมหาอำนาจ แต่เปี่ยมด้วยความเมตตา ผิวพรรณวรรณะของท่าน
ดูแล้วผุดผ่อง มีสง่าราศีด้วยบุญบารมีทั้งๆ ที่หลวงพ่อไม่ได้สรงน้ำ
แต่ไม่เคยปรากฎร่องรอยคราบเหงื่อไคลความสกปรกให้พบเห็น เป็นที่น่าอัศจรรย์นัก
"หลวงพ่อเต้า" เป็นตัวอย่างของภิกษุสงฆ์ผู้มีความมักน้อย ถือสันโดษอย่างจริงจัง
ผู้เขียนกล้าเอาเกียรติเป็นประกันว่า หลวงพ่อเป็นพระที่ไม่สะสมและปรุงแต่ง
ในกุฏิของท่านไม่พบของมีค่าเกินความจำเป็ฯของสมณเพศ บริขารปัจจัยต่างๆของหลวงพ่อก็คือ
เสื่อผืน หมอนใบ และผ้าไตรจีวรสีกรักเก่าๆ
ไม่เคยจำวัดในห้องนอนที่มีฟูกหนาๆหมอนนิ่มๆ
ที่จำวัดเดิมที เป็นเตียงผ้าใบแบบพับได้เก่าคร่ำคร่า ตั้งแอบไว้หลังโต๊ะรับแขก
ในกุฎิตรงที่ท่านนั่งรับแขกนั่นเอง
หลวงพ่อท่านยึดว่า ความสุขสบายของกายสังขารเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ เกิดกิเลส เกิดตัณหา มีอุปทาน
ไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวะจิตใจทางใฝ่ต่ำ ซึ่งเป็ยข้าศึกต่อเพศบรรพชิต
"เรามาแต่ตัว เมื่อตายไปอะไรก็ถือติดมือไปไม่ได้ มีแต่คสามดีที่เคยทำไว้
พอจะให้คนเขานึกถึงได้บ้าง"
เป็นคำพูดและคติธรรมที่หลวงพ่อบอกกล่าวกับผู้เขียนอยู่เสมอๆดังนั้น ไม่ว่าจะเป็ฯวิทยุโทรทัศน์ โทรศัพท์
หรืออุปกรณ์อำนวยความสุขสบายอื่นใด หลวงพ่อยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ทั้งหมด
ตู้เย็นเก่าๆในกุฎิ แทนที่จะแช่น้ำ แช่อาหารการกินเพื่อความอร่อยลิ้น กลับกลายเป็นแช่ผลไม้
แช่เนื้อสัตว์ เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด ที่คนนำมาถวายท่าน
ซึ่งท่านก็สงเคราะห์เลี้ยงไว้บริเวณหน้ากุฎิจนเต็มไปหมด
หลวงพ่อท่านบอกว่า บรรดาสัตว์ที่คนนำมาถวายนี้ ถ้าเลี้ยงไว้ในเขตอภัยทาน
ย่อมปลอดภัยกว่าที่จะปล่อยให้ไปผจญภัยตามเวรตามกรรม
สัตว์เลี้ยงของหลวงพ่อทุกตัว จะเชื่องไม่ดุร้าย ทั้งนี้ด้วยอานุภาพจากความเมตตาของหลวงพ่อ
ซึ่งลงทุนขึ้นรถเมล์ไปตลาดนครปฐมด้วยตัวของท่านเอง เพื่อซื้ออาหารมาเลี้ยงสัตว์
และท่านจะเป็ฯผู้ให้อาหารสัตว์ด้วยตัวของท่านเอง ตลอดระยะเวลาที่กายสังขารของท่านยังแข็งแรงสมบูรณ์
ในช่วงปีพ.ศง 2534 จนถึง 2535 กายสังขารของหลวงพ่อร่วงโรยไปตามวัย
ความชราภาพและความเจ็บไข้เริ่มเข้ามาเยือน คณะกรรมการวัดตลอดจนศิษย์
จึงปราถนาที่จะให่หลวงพ่อได้มีห้องจำวัดเป็นสัดส่วน
เพื่อมที่ท่านจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ตามคำสั่งของแพทย์ ดังนั้น
จึงได้กั้นห้องติดมุงลวดภายในบริเวณกุฎิรับแขกของท่าน แล้วซื้อเตียงไม้มาถวายมีเบาะเล็กๆเก่าๆ
ปูเตียงสำหรับเป็นที่จำวัด นั่นแหละหลวงพ่อจึงได้มีเวลาพักผ่อนอย่างพอเพียง
หลวงพ่อเต้า" เป็นศิษย์เอกหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองนาม
เจ้าตำรับวิชามหาอุดและคงกระพันชาตรี ผู้ทรงคุณวิเศษในการย่นระยะทาง ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคม
การลงอักขระเลขยันต์ การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ตลอดจนการเจริญวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อแช่มโดยตรง
หลวงพ่อแช่มรักและไว้ใจหลวงพ่อเต้ามาก ขนาดให้ทำหน้าที่ลงอักขระเลขยันต์แทน
แม้ขณะนั้นหลวงพ่อเต้าจะยังบวชได้ไม่ถึง 5 พรรษา
หลังจากอุปสมบท
"หลวงพ่อเต้า" อยู่ปฎิบัติรับใช้หลวงพ่อแช่ม ที่วัดตาก้องอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เลี้ยงวัวให้
ต้มน้ำร้อนน้ำชา ปัดกวาด เช็ดถูกุฎิ และทุกๆเรื่องที่หลวงพ่อแช่มท่านใช้สอย พร้อมทั้งศึกษาพระธรรมวินัย
อักขระเลขยันต์ทางไสยเวทวิทยา ตลอดจนิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อแช่ม
นอกจากนั้น ยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากสำนักนางสาว แภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
ในสมัยที่หลวงพ่อคง เป็ฯเจ้าอาวาส อีกด้วย
หลวงพ่อเต้า" ออกเดินธุดงค์เพื่อบำเพ็ญเพียรให้สมาธิแกร่งกล้า โดยให้รุกขมูลไปทางพิจิตร ลพบุรี
พิษณุโลก นครสวรรค์ สุโขทัย เชียงราย และขึ้นไปแถบชายแดนพม่า ฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายรอบด้าน
ทั้งจากภูติผีปีศาจ สิงสาราสัตว์ ภัยจากธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เนื่องจากต้องผ่านป่าดงดิบจริงๆ
และเป็นการเดินธุดงค์วัตรอย่างแท้จริง
หลวงพ่อเล่าเรื่องประสบการณ์ธุดงค์ให้ฟังว่า บางครั้งเดินหลงเข้าไปในป่าดงดิบ ไม่มีบ้านผู้คนอาศัย
อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวัน ต้องอธิฐานขอฉันใบไม้เป็นอาหารยังชีพ บางครั้งต้องใช้บาตรหุงข้าวฉันเอง
มิฉะนั้นต้องอดตายในป่า
ขณะเดินไปถึงเขาวงพระจันทร์จังหวัดลพบุรี พักปักกลดอยู่ มีเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ปรากฏให้เห็น
แต่ไม่ได้ทำอันตรายท่าน เพราะหลวงพ่อได้แผ่เมตตาตลอดเวลา แต่ที่สำคัญก็คือหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
ท่านได้นั่งสมาธิอธิฐานจิตติดตามคุ้มครองป้องกันภัยให้ด้วย เรื่องนี้หลวงพ่อเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
ขณะที่ท่านเจริญสมาธิ หรือกำลังสวดมนต์ จะเห็นหลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง มาเดินดูใหล้ๆกลด
แล้วก็หายไปอานิสงฆ์จากการเดินธุดงค์ ทำให้หลวงพ่อมีสมาธิจิตมั่นคง
มีพลังจิตอันทรงปาฎิหารย์ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย
งานพุทธาภิเษกแทบทุกงาน ซึ่งหลวงพ่อก็เต็มใจรับอารธนานิมนต์นั่งปรกปลุกเสก
ซึ่งหลวงพ่อก็เต็ฒใจรับอารธนานิมนต์เป็นพิเศษ แม้สังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลา
แต่ในใจของท่านกลับยิ่งแข็งแกร่ง ท่านจะนั่งขัดสมาธิอย่างสง่างาม อกผายไหล่ผึ่ง หลังตั้งตรงดุจคันทวน
สมาธิแน่วแน่ ไม่มีการเผลอหลับคอพับคออ่อน ไม่มีเอียงซ้ายเอียงจขวา และไม่มีการกลับก่อนเวลา
หากยังไม่ดับเทียนชัยเป็นไม่เลิก จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาต่อผู้พบเห็ฯยิ่งนัก
พิธีพุทธาพิเษกครั้งสำคัญๆที่วัดบวรนิเวศวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม
หรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามจะต้องมีหลวงพ่อเข้าร่วมพิธีทุกครั้ง
"หลวงพ่อเต้า"
เป็ฯพระคมในฝักจริงๆสังเกตจากงานพุทธาภิเษกเท่าที่ผู้เขียนเป็นศิษย์ติดตามอย่างใกล้ชิด
ถ้ามีคนรุมล้อมมนัสการท่านมากๆ ท่านจะไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชอะไรได้แต่นั่งยิ้มๆ แต่ถ้าคนน้อยๆ
หรืออยู่กันตามลำพัง อยากได้อะไรหลวงพ่อทำให้ทั้งนั้น ทั้งนี้เพราะท่านไม่ต้องการโอ้อวดคุณวิเศษต่างๆ
ที่หลวงพ่อท่านเป็นเลิศในเรื่องของไสยเวทย์ มีผู้คนพบเห็นเป็นพยานในทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์ของหลวงพ่อ
พระเครื่อง พระบูชา ตลอดจนอิทธิมงคลของหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร มีทุกรูปแบบทั้ง ตะกรุด ผ้ายันต์
พระกริ่ง รูปหล่อเหมือน เหรียญรูปเหมือน พระเนื้อดินเผา พระเนื้อผง พุทธคุณ ภาพถ่าย พระปิดาตาเนื้อผง
และ เนื้อเมฆพัด ฯลฯ
อิทธิมงคลวัตถุของหลวงพ่อ ลง้วนแล้วครบวงจรของความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์
จากพลังจิตและพุทธาคมอันเอกอุดมจากตำรับตำราของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทให้หลวงพ่อซึ่งเป็นศิษย์เอกอย่างหมดสิ้น
ประสบการณ์จากอิทธิมคลวัตถุของหลวงพ่อ ปรากฎความมหัศจรรย์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ จนเป็นเรื่องปกติ
ทั้งด้านแคล้วคลาดจากอันตราย อยู่ยงคงกะพัน มหาอุด เมตตามหานิยม
"หลวงพ่อเต้า"
เป็นพระเกจิออาจารย์ที่ยึดคติโบราณณาจารย์ในการสร้างอิทธิมงคลวัตถุสมัยที่ท่านมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง
ท่านจะลงอักขระเลขยันต์ตามสูตรสนธิด้วยมือของท่านเอง ไม่ว่าจะเป็ฯผ้ายันต์ ตะกรุด
รวมทั้งพระเครื่องเนื้อดินโป่ง ทุกองค์จะเป็นลายมือซึ่งท่านบรรจงจารไว้อย่างสวยงาม อักขระคาถาอาคมต่าง
หลวงพ่อจะเขียนเป็นหนังสือขอมตัวบรรจง สมัยหนุ่มๆ จัดว่าท่านมีลายมือสวยทีเดียวล่วงศุ่วัยชรา
มือของท่านจะสั่น ลายมือโย้ไปเย้มา แต่ก็มีความแม่นยำไม่คลาดเคลื่อน เส้นยันต์ไม่ขาด
อักขระไม่ทับตารายันต์
หลวงพ่อไม่นิยมวิธีปั๊มอักขระเพื่อลงยันต์ ยกเว้นระยะหลังท่านชราภาพมาก จึงยอมให้ใช้ยันต์ปั๊ม
แต่ถ้าผู้เขียนอยู่ใกล้ๆ ท่านจะใช้ให้ลงอักขระเลขยันต์แทนท่าน ไม่ว่าจะเป็ฯยันต์หัวเสาปลูกบ้าน
ยันต์หล่อพระ หรือยันต์วางศิลาฤกษ์ คาถาที่ใช้ลงอักขระเลขยันต์ จะเป็ฯบารมีสามสิบทัศน์
พระเจ้าสิบหกพระองค์ อิติปิโสแปดทิศ แล้วมักจะต่อท้ายหรือล้อมด้วยนวหรคุณ พระเจ้าห้าพระองค์ ฯลฯ
สุดแท้แต่ท่านจะสั่งให้เขียน เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ท่านจะตรวจสอบ
จากนั้นจึงจะปลุกเสกตามตำรับเวทย์วิทยาคมของท่าน เป็นอันใช้ได้
ในเรื่องของการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อนิยมที่จะปลุกเสกเดี่ยวมากกว่าแบบมวยหมู่
ในการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อจะพิถีพิถันมาก ตัวอย่างเช่น การสร้างพระพิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร
เนื้อดินโป่งผสมผงพุทธคุณ อันเป็นการสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านประมาณปี 2496
ท่านได้รวรวมดินโป่งซึ่งถือเป็ฯมวลสารกายสิทธิ์ มีเทพยดาอารักษ์คุ้มครอง
โดยเก็บจากป่าดงดิบแถวจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี ดินอุดรูหนู รูปู ตามเคล็ด วิชามหาอุด
จากนั้นนำมาบดจนละเอียด แล้วผสมกับผงพระพุทธคุณและว่าน 108
เมื่อเริ่มเข้าพรรษา หลวงพ่อจะดเนินการสร้างพระเครื่อง โดยนำผงดินโป่งที่ผสมผงพุทธคุณแล้ว
ผสมใส่น้ำมนต์ที่ปลุกเสกลงไป แผ่ดินโป่งที่ผสมแล้วออกเป็นแผ่น เขียนยันต์ ตามตำรับของหลวงพ่อแช่ม
วัดตาก้อง ปลุกเสกด้วยโองการมหาทะมื่นและชินบัญชรคาถา เอาน้ำมนต์รดลงไป แล้วลบยันต์ทิ้ง เขียนขึ้นใหม่
ปลุกเสก แล้วลบทิ้ง ทำอย่างนี้จนครบ 108 ครั้ง เรียกว่า "ลบถม"
กรรมวิธีการต่อไปก็คือ หลวงพ่อจะกดพิมพ์พระเองตลอด จนเสร็จพิธี หลวงพ่อจะจารหลังองค์พระด้วยตนเองทุกองค์
ลักษณะของยันต์และอักขระที่จารจะเป็นตัวเฑาว์มหาอุด นะอุณาโลมคงกะพันชาตรี และนะแคล้วคลาด เป็นหลัก
จากนั้นก็จะปลุกเสกตลอดไตรมาส
ในช่วงสมัยที่ "หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม" ซึ่งถือเป็นพระอาจารย์รุ่นพี่
และวัดดอนยายหอมก็อยู่บริเวณใกล้เคียงกันกับวัดเกาะวังไทร ดังนั้น
พระพิมพ์เนื้อดินโป่งผสมผงพุทธคุณในรุ่นแรก จึงได้รับอธิษฐานจิตปลุกเสกโดยหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ด้วย
(ประมาณ พ.ศ.2497-249
โดยข้อเท็จจริงแล้ววัตถุมงคลพระเครื่องเนื้อดินโป่ง หลวงพ่อท่านพร้อมที่จะนำพระเครื่องเนื้อดินโป่ง
อิทธิมงคลรุ่นแรกของท่าน แจกให้รุ่นศิษย์ แต่หลวงพ่อเป็นผู้มีคารวะธรรมต่อพระอาจารย์ (หลวงพ่อล้ง
พระอนุสาวนาจารย์ ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกาะวังไทร) ท่านจึงเก็บพระพิมพ์เนื้อดินโป่งไว้เงียบๆ
กระทั่งปี พ.ศ. 2499 เมื่อหลวงพ่อล้งไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้
และหลวงพ่อเต้าได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการณ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกาะวังไทรแทน
ท่านจึงเริ่มเผยแพร่วัตถุมงคลรุ่นแรกของท่าน
ประสบการณ์วัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อเต้า ย่อมเป็นที่ทราบและรู้อยู่แก่ใจของผู้ได้พบเห็น
ซึ่งถือเป็นปัจจัตตัง
(นำมากจากเวปไซค์ครับ ด้วยความเคารพและศรัทธา หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร)