ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :4,464
หลวงปู่กลิ่นเป็นศิษย์หลวงปู่เอี่ยม และเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่เอี่ยม ท่านจะมีบุคลิกนิ่งๆเงียบๆพูดน้อย เวลามีแขกมาหา ถ้าเขาไม่พูดท่านก็ไม่พูด บางทีนั่งเงียบกันเป็นชั่วโมง เวลาที่วัดมีงานแล้วมีการทะเลาะกัน พวกผู้ใหญ่จะจับตัวคู่วิวาทไปหาท่าน พวกที่มีเรื่องเมื่อไปอยู่ต่อหน้าท่าน จะขอขมาท่านและจะขอให้ท่านลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี แต่ขออย่าให้ท่านแช่งหรือด่า คนแถววัดสะพานสูงจะรู้ว่าท่านมีวาจาสิทธิ์พูดอะไรก็เป็นอย่างที่พูด จึงกลัวท่านแช่งเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ที่แสดงถึงอำนาจวาจาสิทธิ์ของท่าน เป็นเรื่องที่มีคนรู้มาก ครั่งหนึ่งมีคนแถววัดจ้างคณะลิเกตอกดินมาเล่นที่วัด เมื่อถึงวันงานคณะลิเกก็มาตั้งเวทีที่หน้าวัด ซึ่งใกล้กับกุฎิหลวงปู่กลิ่น ท่านจึงบอกลูกศิษย์ให้ไปบอกคณะลิเกให้ย้ายเวทีไปหลังวัด เพราะถ้าตั้งหน้าวัดจะรบกวนท่าน คณะลิเกจึงจำเป็นต้องย้ายเวทีไปหลังวัด แต่ก็สร้างความไม่พอใจเกิดขึ้นกับนายดอกดิน เมื่อถึงเวลานายดอกดินออกมาร้อง นายดอกดินก็ร้องลิเกว่าท่านว่า วัดสะพานสูงเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ แต่เหตุไฉนมีขรัวตาวัดไม่ทำอะไรเลย เอาแต่นั่งแต่นอน ลูกศิษย์จึงนำความไปฟ้องหลวงปู่ ท่านจึงพูดว่าตัวมันนั่นแหละจะเอาแต่นั่งแต่นอน ไม่มีอะไรทำ เมื่อคณะลิเกกลับไปแล้ว เหตุการณ์ที่ท่านพูดก็เป็นจริงอย่างท่านว่า คนที่จองคณะลิเกก็มาบอกคืนหมด คนที่มาว่าจ้างใหม่ก็ไม่มี นายดอกดินนั่งๆนอนๆอยู่หลายเดือน และรู้ข่าวมาว่าที่เป็นแบบนี้เพราะโดนหลวงปู่กลิ่นแช่ง จะไปขอขมาท่านก็รู้สึกละอาย เพราะตัวเองไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง บังอาจไปว่าท่าน
พอดีนายดอกดินมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เจ้าตำหรับหนุมานที่แพงที่สุดในประเทศ และเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่กลิ่น มีความสนิทสนมกันมาก ถึงกับฝากฝังกันว่าถ้าใครเสียก่อนอีกคนต้องมาจัดงานให้ หลวงพ่อสุ่นเสียมิได้จึงเดินทางมาหาหลวงปู่กลิ่น ขอให้หลวงปู่กลิ่นถอนเรื่องที่แช่งไว้ แต่หลวงปู่กลิ่นท่านตอบว่าไม่สามารถถอนได้ เพราะน้ำลายเมื่อถ่มไปแล้วจะกลืนกับได้อย่างไร คณะลิเกนายดอกดินจึงต้องเลิกราไป เพราะความอวดดีของหัวหน้าคณะ