"อีกหนึ่งในตำนานตะกรุด สุดขลัง!! แห่งเมืองชาละวัน"
"ตะกรุดคู่ชีวิต อั่วทองแดง หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง พิจิตร" เนื้อตะกั่วน้ำนม อั่วทองแดง เชื่อมน้ำประสานเงินเก่า ถักเชือก ขนาดเล็กยาว 2 นิ้ว หายาก
ตะกรุดคู่ชีวิต เป็นตำหรับตะกรุดของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (บางตำราว่าท่านได้สืบทอดวิชายันต์คู่ชีวิตนี้จากหลวงพ่อโพธิ์ บางตำราว่าท่านทั้งสองเป็นสหธรรมิกกัน)
วิชายันต์สร้างตะกรุดคู่ชีวิตนี้ได้ถูกสืบต่อเนื่องมายังหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง และได้สืบต่อเนื่องมาถึงหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง นี่แหละที่ชาวพิจิตรถือว่าเป็นสุดยอดในด้านการลงตะกรุด ต่อจากหลวงพ่อพิธ หลังจากหลวงพ่อพิธ ท่านมรณภาพไปในปี 2487 เป็นต้นมา
ประสบการณ์ที่เลื่องลือของตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเตียงมีมากมาย อย่างเรื่องนี้เกิดกับหลายชายของอาจารย์เทิ้ม(เจ้าอาวาสวัดเขารูปช้างองค์ต่อมาจากหลวงพ่อเตียง) หลานชายของท่านชื่อว่า นายอุดม คำหมู่ เป็นคนในตำบลนั้นเองได้ถูกโจรเข้าปล้นบ้าน ซึ่งในค่ำคืนวันนั้นเป็นความบังเอิญที่ นายอุดม อยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว เมื่อพวกโจรได้จู่โจมเข้ามาปล้น นายอุดม นั้น มันได้ช่วยกันจับตัวนายอุดมเอาไว้และให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน อาจจะเป็นด้วยนายอุดมเสียดายทรัพย์สินที่สู้อดออมถนอมใช้ด้วยความมานะบากบั่นตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จึงไม่ยอมบอกที่ซ่อนทรัพย์ยิ่งไปกว่านั้นยังร้องเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยเหลือด้วยเสียงอันดังอีกด้วย
เมื่อพวกโจรเห็นเช่นนั้นจึงได้จ่อยิงนายอุดมด้วยปืนยูเอสขนาด 11 มม. หลายนัดก็ปรากฎว่า กระสุนด้านไม่ดังเลยสักนัดเดียว ทำให้นายอุดมมีกำลังใจหึกเหิมกระโดดเข้าต่อสู้กับพวกโจรเป็นพัลวัล
เมื่อพวกโจรช่วยกันยิง นายอุดม ด้วยปืนหลายกระบอกไม่ออกเช่นนั้นก็นึกว่านายอุดมจะต้องมีของดีเป็นแน่ มันจึงช่วยกันปล้ำจับ นายอุดม ขึงพืด และด้วยนายอุดมเป็นคนล่างเล็กสู้แรงโจรไม่ได้มันล้วงดูที่คอไม่เห็นมีอะไร จึงจับนายอุดมและดึง"ตะกรุดโทนหลวงพ่อเตียง"ที่เอวออก แต่นายอุดมได้ยื้อแย่งได้แค่เพียง"สายตะกรุด"เท่านั้น!!
เมื่อโจรมันได้ตะกรุดไปแล้วก็หันปากกระบอกปืนกลับมายิงอีกหลายนัดก็ยิงไม่ออก เสียงดังแชะๆเท่านั้นเอง ผลสุดท้ายพวกโจรต้องรีบล้าถอยโดยไม่ได้อะไรไปเลยสักนิดเดียว
นายอุดม รอดชีวิตมาได้เพราะอิทธิปาฏิหาริย์ในตะกรุดโทนคู่ชีวิตของหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง เพียงดอกเดียวเท่านั้นและแม้พวกโจรจะแย่งเอาตะกรุดไปแล้วเพียงแค่"สายตะกรุด"ที่อยู่ในมือเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็ยังคุ้มลูกกระสุนได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว
เครดิตข้อมูล: ขอขอบคุณผู้เขียนไว้เดิมทุกท่าน ขออนุญาตเรียบเรียงนาเผยแพร่ประกาศเกียรติคุณครับ