ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :13,983
"ตะกรุดของท่านท้ายิงได้ทุกดอก ยิงออกไม่ต้องเอาเงินมาทำบุญ" ดอกสุดพิเศษ...ตะกรุดหน้าผากเสือยอดนิยมแนวหน้าของเมืองไทย ! !!องค์ดอกพิเศษ " เห็นขนเสือโผล่ออกมาข้างนอกชัดเจนแบบไม่ต้องลุ้น!!! " แกนทองแดง ถักลายกระสอบรวงผึ้ง พันด้วยหน้าผากเสือ ลงรักปิดทอง แบบนี้ ชัดเจนจบ...( ยุคปลายครับ ) ใส่หลอดหัวเงินขัดเงา สวยๆ พร้อมใช้ครับ 1 ใน 5 แห่งยอดตะกรุดหน้าผากเสือเมืองไทย ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา (อาจารย์ของหลวงพ่อนอที่สอนทำตะกรุดหน้าผากเสือ คือหลวงปู่นาค วัดอรุณ) ดอกนี้ขนาด 3 นิ้ว * 0.3 นิ้ว แกนทองแดง เชือกผสม ลงรักปิดทอง ถักลายมาตราฐาน พิเศษขนเสือโผล่ออกมาชัดเจนแบบไม่ต้องลุ้นครับพี่น้อง ท่านใช้หน้าผากเสือตายพรายมาทำตะกรุด เป็นตะกรุดหน้าผากเสือที่ได้รับความนิยมสูงเป็นที่เสาะแสวงหากันมากในปัจจุบัน ประสบการณ์การไม่ต้องพูดถึง ราคาบูชาค่อนข้างแพงจากวัดสมัยนั้นดอกละ 500 บาท (ทองคำบาทละไม่เกิน300บาทในสมัยนั้น) หลวงพ่อนอลงตะกรุดโทนตะกรุดหนังหน้าผากเสือหาเงินเข้าสร้างโบสถ์และเสนาสนะ ปรากฏว่า " ตะกรุดของท่านท้ายิงได้ทุกดอก ยิงออกไม่ต้องเอาเงินทำบุญ " ตะกรุดหนังเสือ ของพ่อนอ ท่านใช้หน้าผากเสือตายพรายทำ ซึงเมือปลุกเสกแล้วจะมีความศักธิ์สิทธิ์ มาก มีลูกศิษที่ๆได้รับไปโดยยิงโดนแทงจนเสื้อพรุน แต่ทำอะไรลูกศิษท่านไม่ได้ ด้วยอำนาจแห่ง ความคงกระพันชาตรีในตะกรุดของทา่น เบญจภาคีตะกรุดหน้าผากเสือของเมืองไทย ดังนี้ 1.หลวงปู่นาค วัดอรุณ ธนบุรี 2.หลวงปู่บุญ กลางบางแก้ว นครปฐม 3.หลวงพ่อหว่าง เทียนถวาย ปทุมธานี 4.หลวงพ่อนอ กลางท่าเรือ อยุธยา 5.หลวงพ่อเต๋ สามง่าม นครปฐม หลวงพ่อนอท่านมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ สมัย จอมพล ป. เป็นนายกให้ความนับถือหลวงพ่อนอ อย่างยิ่ง ในพิธีปลุกเสกที่สำคัญต่างๆจะต้องมีชื่อของหลวงพ่อนอ แม้แต่หลวงพ่อกวย หลวงปู่โต๊ะ ก็ยังยกย่องในด้านความขลังของท่าน หลวงพ่อนอ เกิด วันอังคารที่ 31 มกราคม 2435 ท่านมรณภาพเมื่ออายุ 86 ปี พ.ศ.2521ก่อนที่ชาวบ้านจะะนิมนต์หลวงพ่อนอ มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดกลางท่าเรือนั้น วัดแทบจะเป็นวัดร้าง หลวงพ่อนอจึงได้ตั้งใจเด็ดเดี่ยวกับกรรมการวัดว่า "ไม่เป็นไรหรอก เมื่อไว้ใจให้ฉันมาช่วยสร้างวัด คอยดูนะ ฉันจะจารตะกรุดสร้างวัดให้พวกแกดู" ก็เป็นความจริง ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ตามตำรับวิชาการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือจากท่านอาจารย์ที่ประสิทธ์ประสาทวิชานี้ให้กับท่านคือ พระพิมลธรรม (หลวงปู่นาค) แห่งวัดอรุณฯ เจ้าของสมญานามตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันดับ๑ ของเมืองไทย วัตถุประสงค์ท่านกระทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจทำอย่างเต็มที่เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างโบสถ์และเสนาสนะซึ่งปีหนึ่งๆทำพิธีใหญ่โต ทำได้ครั้งละไม่มากนัก เนื่องจากวัสดุหายาก คือหนังหน้าผากเสือ (โดยมากต้องสั่งจองกันยาวเป็นบัญชีหางว่าวไปเลย ผู้ได้รับไปแล้วนับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง ตะกรุดมีค่าควรเมือง ตีราคาเป็นตำลึงทอง มีค่ามากว่าเงิน 500 มากนักหนา) ปรากฏว่าตะกรุดของท่านท้ายิงได้ทุกดอก ยิงออกไม่ต้องเอาเงินมาทำบุญ ราคาทำบุญจากวัด 500 บาท (ประมาณปี 2495 – 2500) ถือว่าแพงมากในสมัยนั้น ซึ่งเทียบกับราคาทองสมันนั้นบาทละไม่เกิน 300 บาท และที่สำคัญมีการลองยิงในวัดที่เดียว จึงเป็นประสบการณ์ที่โด่งดังไปทั่วเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ถึงของดีจริง มีค่ามากกว่าทองสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้จริง ขั้นตอนในการบรรจุวิทยาคมของหลวงพ่อนอ ซึ่งขั้นตอนในการปลุกเสกไม่มีอาจารย์ท่านใดเหมือนแน่นอน ก่อนปลุกเสกท่านจะใช้เหล้าเพื่อบูชาครู จากนั้นตัวของท่านจะแดงมาก ท่านจะปิดกุฎิปลุกเสกเงียบๆ คนเดียวอยู่ในกุฎิ ช่วงเวลาปลุกเสกลูกศิษย์จะได้กลิ่นสาปเสืออบอวลทั่วทั้งบริเวณตลอดจนเป็นเรื่องเล่าขานสือต่อมาไม่รู้จบของพิธีกรรมปลุกเสกที่เข้มขลังในยุคนั้น ตะกรุดหนังหน้าผากเสือเป็นเครื่องรางที่มองดูผิวเผินก็ดูจะธรรมดาๆ แต่จริงๆ แล้วทุกท่านก็คงประจักษ์กันมานักต่อนักแล้ว แม้นจะเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อหรือประสบการณ์กับตนเองในเรื่องของพุทธคุณไม่เป็นรองวัตถุมงคลใดๆ เลย โดยจะเห็นได้จากปัจจุบันตะกรุดหนังหน้าผากเสือสำนักนี้มีราคาค่างวดสูงมากยิ่งขึ้น แรงแซงทางโค้ง เนื่องจากเจตนาการสร้างดี พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ มีเอกลักษณ์ชัดเจน เป็นมาตรฐาน และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในวงการเครื่องรางของขลังขณะนี้ครับ