"แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา สุพรรณบุรี"

วงนี้ใช้เองประจำตัวด้วยความศรัทธาครับ

แหวนหลวงพ่ออิ่มขึ้นชื่อลือชามากในเรื่องคงกระพันชาตรีมาก ตลอดจนเรื่องกันเขี้ยวงา งูเงี้ยวเขี้ยวขอ และ เป็นเมตตา
หัวเมฆพัตรที่อยู่บนหัวแหวนขนาดคนรุ่นเก่าเรียกเหล็กไหลเลยเพราะแหวนของท่านเป็นแหวนเนื้อเมฆพัตรที่ผสมกับแร่เหล็กไหล

เมฆพัดเป็นโลหะที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุตามตำราของไทยโบราณ เชื่อว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์มีฤทธานุภาพในตัวเอง
เมฆพัดเป็นส่วนผสมของตะกั่วและทองแดง มีกรรมวิธีการสร้างที่ซับซ้อน ในระหว่างหลอมต้องผสมตัวยาหลายชนิดมีกำมะถัน
ปรอท และว่านยาได้แก่ ไพลดำ ต้นหิงหาย ไม้โมกผา ขิงดำ กระชายดำ สบู่แดง สบู่เลือด เป็นต้น ซัดเข้าไปในเบ้าหลอม
พอสำเร็จจะได้โลหะสีดำเป็นมันเงาเลื่อมพราย แต่เปราะและแตกง่าย พระคณาจารย์แต่โบราณนิยมหลอมเมฆพัดมาทำเป็นพระเครื่อง
อาทิ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร (นาค โชติโก) วัดห้วยจระเข้ นครปฐม , พระอาจารย์ทับ วัดอนงคาราม หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา และหลวงพ่อดีวัดพระรูป

"เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ

หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง เมื่อท่านได้เดินทางเข้าไปยังพระนคร จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ ปรมาจารย์แห่งสำนักวัดหัวเขา องค์นี้เป็นพระเถราจารย์ผู้เรืองเวช และมีอภิญญาญาณ จนเป็นที่ประจักษ์แก่พระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าฟ้า ประชาราช ในยุคนั้นเลยที่เดียว จึงมีพระเถระ ฆราวาส มาฝากตัวเป็นศิษย์กันมากมายและมีชื่อเสียง เช่น หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ฯ เป็นต้น

หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน ผู้สร้างแหวนพระพุทธรูปแรกของประเทศไทย ผู้สร้างเหรียญปั๊มสงฆ์รูปแรกของอำเภอเดิมบางนางบวช “พระเจดีย์”แห่งเมืองสุพรรณ หากพูดถึงพระเกจิอาจารย์ที่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ยกย่องกันแล้วก็ “หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี” ก็นับเป็นอีกรูปหนึ่ง ที่หลวงพ่อปานกล่าวยกย่องด้วยความเคารพ โดยหลวงพ่อปาน เรียกหลวงพ่ออิ่มว่า “พระเจดีย์” ซึ่งหมายถึงว่า เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่น่าเคารพยกย่องเหมือนกับเป็นพระสถูป หรือพระเจดีย์ ที่ควรค่าแก่การสักการบูชา และก็ต้องบอกว่า คำที่หลวงพ่อปานกล่าวยกย่องไม่เกินเลยความจริงแต่ประการใด เพราะพระเถราจารย์แห่งเมืองสุพรรณรูปนี้ เก่งอย่าง “ของจริง ของแท้” แบบเล่าขานปากต่อปาก ไม่ต้องโหมโฆษณาตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ กันแต่ประการใด

มิหนำซ้ำ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ยังมีข้อวัตรปฏิบัติตรงตามพระธรรมวินัย ถึงขนาดที่ว่า สามารถกำหนดอิริยาบถการมรณภาพได้อีกด้วย คือ ท่านกำหนดนั่งสมาธิมรณภาพ จนถือว่า เป็นพระเกจิในยุคแรกๆ ของเมืองสุพรรณ ที่นั่งสมาธิมรณภาพ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งบ่งบอกถึงภูมิจิต ภูมิธรรมขั้นสูงตามหลักพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดีว่า หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งของสยามประเทศ

คาถาปลุกเสกแหวนหลวงพ่ออิ่ม ตังเมทิสะโก มังสุเลโส อะปะนา สุสุปิ อะทิสุโก มังสุเลโส สุสุปิ