ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :14,057

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
ตะกรุดโสฬสมหามงคล อ.แปลกร้อยบาง วัดสะพานสูง 3.6 นิ้ว ผิวหิ้งๆ มันส์สุดๆครับ
ราคา :
มาใหม่
รายละเอียด :

ตะกรุดโสฬสมหามงคล อ.แปลก ร้อยบาง วัดสะพานสูง ยาว 3.6 นิ้ว อ้วนประมาณ 2 หุล เนื้อทองแดงตัดสอบหัวท้ายดึงก้นแมงสาบเล็กน้อย รักแดง มันส์ ฟอร์มนิยม สภาพสวยมากๆผิวหิ้งๆแทบไม่ผ่านการใช้ครับ///ตะกรุดโสฬสมหามงคลอาจารย์แปลก(ร้อยบาง) ฆาราวาสจอมขมังเวทย์แห่งวัดสะพานสูง ยาวประมาณ 4 นิ้ว อ้วนประมาณ 5 หุล เนื้อทองแดงทุบหนา ม้วน 5 รอบ พอกผงลงรักถักเชือก รักหนาแดง ผิวหิ้งๆไม่ผ่านการใช้เลยครับ ประสบการณ์สายนี้ยอดเยี่ยมมานานแล้วครับ//ตะกรุดอาจารย์แปลกร้อยบางท่านเคยบวชอยู่ที่วัดสะพานสูงพอต่อมาท่านได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆาราวาสแต่ท่านก็ได้สร้างตะกรุดตามตำราอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชามาให้ท่าน ท่านสร้างตะกรุดได้เข้มขลังจริงๆ ขนาดว่่า ท่านห้อยหัวจารตะกรุดได้สำเร็จและมีวิธีการสร้างตะกรุดที่ไม่เหมือนใครครับ อาจารย์แปลกท่านอาศัยอยู่ในเรือเวลาเรือท่านล่องไปจอดหน้าบ้านใคร ท่านก็จะได้ลูกสาวบ้านนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากครับ เรื่องเมตตา คงกระพันชาตรีก็เป็นเลิศครับ//ตะกรุดดอกนี้มีความยาวประมาณ 4 นิ้ว อ้วนประมาณ 3 หุน ลงรักถักเชือกลายกระบอกเกลียว รักหนาแดงส่องมันส์ ทองแดงทุบหนาตัดสอบดึงก้นแมงสาบตามสูตรของสำนักนี้ทุกประการครับ ประสบการณ์ด้านคงกระพันเป็นเลิศจริงๆครับ //อ.แปลก เรื่องเล่าของอาจารย์แปลก จอมขมังเวทย์แห่งวัดสะพานสูง ถ้าเคยได้ยินวัดสะพานสูงนนทบุรี ก็จะนึกถึง พระเดชพระคุณ หลวงปู่เอี่ยม(ปฐมนาม)แห่งวัดสะพานสูง เจ้าของวิชาตะกรุดโสฬสมงคล อันโด่งดัง และศิษย์ของท่าน ที่สืบทอดวิชาสายนี้ ทั้ง ปลวงปู่กลิ่น ถึงหลวงพ่อทองสุข แต่ถ้าไม่กล่าวถึงอาจารย์ แปลกก็คงไม่ได้ ท่านเป็นศิย์เอกของหลวงปู่เอี่ยม แม้จะสึกเป็นฆารวาสก็เข้มขลังไม่แพ้ใครครับ ว่ากันตามคำบอกเล่าต่อๆกันมาได้ความคร่าวๆว่าอาจารย์เเปลก (หรือ เเปลก เรือลอย) ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม แห่งวัดสะพานสูง เล่ากันว่าพื้นเพเดิมท่านก็เป็นคนเมืองนนท์โดยกำเนิด ในคราวที่อุปสมบทที่วัดสะพานสูงก็เป็นพระรุ่นพี่ของหลวงปู่กลิ่นซึ่งบวชใน ยุคราวคราวเดียวกัน แต่อาจารย์แปลกนั้นบวชมาก่อนเลยแก่พรรษากว่าหลวงปู่กลิ่น ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากหลวงปู่เอี่ยมมาพร้อมๆกับหลวงปู่กลิ่น โดยเฉพาะวิชาการสร้างตะกรุดอันลือลั่นของสายวัดสะพานสูง ตะกรุดของท่านนั้นขมังมากนัก เน้นหนักไปทางคงกระพันและแคล้วคลาดเป็นหลัก ถึงขนาดนักเลงเมืองนนท์สมัยก่อนเชื่อกันถึงความหนียวของพุทธคุณตะกรุด อาจารย์แปลก ปืนและมีดดาบไม่เคยต้องหวั่นกลัว ถึงคราวที่จะต้องประลองกัน ถ้าได้อาราธนาตะกรุดของอาจารย์แปลก มีแต่จะวิ่งเข้าใส่ เพราะของท่านแรงจริงๆ ด้วยความที่ท่านได้เคร่งศึกษาการสร้างตะกรุดให้ดีเลิศ จนทำให้ท่านถึงขั้นร้อนวิชา หลวงปู่เอี่ยมท่านจึงแนะนำให้ลาสิขาเพื่อไปครองเพศฆราวาสจะดีกว่า แต่อาจารย์ท่านก็ยังให้ถือศีลและข้อห้ามต่างๆอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ถึง ความขลังในการสร้างตะกรุดของอาจารย์แปลก หลังลาสิขา ชีวิตของท่านส่วนใหญ่จะอาศัยกินนอนอยู่บนเรือ เพราะถือหลักที่ว่าความแรงและความขลังสามารถบรรเทาอากัปกิริยา และปล่อยวางได้ถ้าได้อาศัยอยู่บนน้ำ ท่านจึงไม่มีที่อยู่เป็นหลักเเหล่ง เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ปล่อยให้เรือลอยไปโดยไม่ใช้ไม้พาย เล่ากันว่าในคลองพระอุดมสมัยก่อน ถ้าได้ข่าวว่าเรือของอาจารย์แปลกท่านลอยมาถึง ทุกๆบ้านที่มีลูกสาวก็จะเตรียมท่อนไม้ไผ่ยาวๆไว้ที่ท่าเทียบเรือ เมื่อไรที่เรืออาจารย์แปลกลอยมาติดที่ท่าเรือหลังบ้าน เจ้าของบ้านก็จะคอยเอาไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ เขี่ยเรืออาจารย์แปลกออกไป ไม่ให้มาติดที่ท่าจอด ถ้าบ้านไหนไม่ได้เตรียมไว้แล้วเรืออาจารย์แปลกมาลอยติดที่ท่าแล้วจอด เพียงแค่พ้นคืนราตรีเดียว ลูกสาวของบ้านนั้นก็ไม่พ้นที่จะตกเป็นเมียของท่าน บางครั้งก็จะมาจอดที่หน้าวัดสะพานสูง มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นช่วงเข้าพรรษา อยู่ดีๆเรืออาจารย์เเปลกก็มาจอดหน้าวัดสะพานสูง ทันทีที่อาจารย์เเปลกถึงวัด ก็เดินตรงเข้ามาที่กุฎิหลวงปู่กลิ่นทันที เเล้วตรงเข้ามากราบหลวงปู่กลิ่นอย่างนอบน้อม เเล้วเอ่ยถามหลวงปู่กลิ่นว่า ... อาจารย์ลากเรือผมมาที่วัดทำไมครับ หลวงปู่กลิ่นท่านยิ้มเเล้วตอบว่าน้ำปีนี้จะมีมาก อยากให้มาอยู่ที่วัดเสียด้วยกัน เเละเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งในปีนั้นเอง เกิดมีน้ำมากจริงๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เเสดงให้เห็นว่าหลวงปู่กลิ่นท่านรับรู้ด้วยญาณก่อนเเล้ว เเละในปีนี้เองที่อาจารย์เเปลกลงตะกรุดโสฬสมงคลเเจอศิษย์ไว้มากที่สุด การสร้างตะกรุดของอาจารย์แปลกนั้นเข้มขลังมาก พระยันต์ที่ประทับด้านในมักจะเป็นพระยันต์โสฬสมงคลของวัดสะพานสูง ส่วนจารนอกก็แล้วแต่ท่านจะลงหรือไม่ และมียันต์หลายๆแบบที่ใช้ในการประทับหน้า (ผมเองได้เคยพบยันต์เป็นรูปองค์พระในคราวที่มีโอกาสได้เลาะเชือกศึกษาตะกรุด อาจารย์แปลกครั้งหนึ่ง) เล่ากันว่าเวลาท่านจารและเสกตะกรุด คนที่มาขอตะกรุดท่านต้องไปนั่งห่างๆด้านหน้า พออาจารย์แปลกทำตะกรุดเสร็จก็จะโยนไปข้างหน้าที่ศิษย์มาขอ แล้วเอ่ยวาจาให้ศิษย์ก้มเก็บตะกรุดของท่านให้หน่อย เพราะมันกระโดดไป พอศิษย์เผลอก้มเก็บตะกรุดของท่าน ในช่วงวินาทีที่มือของศิษย์ได้จับสัมผัสกับตะกรุดแล้ว ในเวลานั้นอาจารย์แปลกก็จะหยิบหลาวไม้ยาวที่มีปลายเป็นเหล็กแหลม คว้างเข้าใส่อย่างแรงและเร็วเพื่อหวังจะได้เข้ากลางหลัง แต่หลาวดังกล่าวก็จะกระดอนออกไปจากตัวศิษย์ทุกครั้งไป ตัวศิษย์เองก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็ทำให้เชื่อและศรัทธาถึงอานุภาพตะกรุดของอาจารย์แปลก และจะหวงแหนเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ครอบครอง จะเก็บไว้ติดแนบกายไม่ห่างเลย นอกจากตะกรุดโสฬสที่ท่านมักจะสร้างเสมอๆแล้ว ยังมีตระกรุดอีกหลายแบบที่ท่านได้สร้าง ซึ่งล้วนแต่จะขลังและหายากยิ่ง เช่น ตะกรุดคุ้มบ้าน ตะกรุดเมตตา (แต่ผมว่าก็ยังไม่พ้นเหนียวอยู่ดี) และที่หายากและเป็นที่หวงแหนกันยิ่งคือ ตะกรุดเป่าแล่น ใครได้ครอบครองก็จะใช้ติดตัวไม่เคยห่าง เรื่องนี้คนเก่าแก่ในพื้นที่จะรู้จักกันดี ในสมัยคราวที่ท่านอาจารย์แปลกทำการสร้างตะกรุดนั้น ท่านเน้นย้ำเสมอว่าตะกรุดของท่านไม่ให้ซื้อขาย อยากได้ก็มาขอเอาเอง ยกเว้น พ่อให้ลูก อาจารย์ให้ศิษย์ หรือให้กันเองในเครือญาติ ผู้ใหญ่กับผู้น้อย ผู้บังคับบัญชากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ถ้าจะต้องให้ผู้อื่นด้วยความเสน่หาแล้วมีผลตอบแทนกลับมาเป็นสินน้ำใจ ให้นำเอาสินน้ำใจหรือเงินดังกล่าว มาถวายหรือทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา คำสอนดังกล่าวของท่านนั้นทำให้ผมรู้สึกได้ว่า ถึงแม้ท่านอาจารย์จะเป็นฆราวาส แต่อาจารย์แปลกท่านก็เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม นั่นเองที่ทำให้ท่านขลังมากนักแล สำหรับชื่อของท่าน  แปลก  นั้นผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อเดิมของท่านเองเลยหรือเปล่า หรือเป็นการเรียกฉายาตามพฤติกรรมของท่านที่บางครั้งแปลกผิดกับคนทั่วไปกระทำ ครั้นท่านสร้างตะกรุดให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านจะทุ่มเทในการสร้างเป็นอย่างมาก ปราณีตในการเสก ขนาดทุ่มเทสรรพกำลังที่มีอยู่เพื่อให้ได้ตะกรุดที่มีอานุภาพขั้นสูง ในบางครั้งถึงขึ้นที่ต้องคาบแผ่นทองแดงและเหล็กจาร ปีนขึ้นไปบนต้นตาลหน้าวัดที่สูงเป็นสิบๆเมตร เมื่อถึงปลายยอดก็ใช้ขาหนีบต้นตาลไว้แล้วห้อยหัวลงมาเพื่อทำการจารตะกรุด แล้วเสกจนเสร็จ ถึงได้ลงมาจากต้นตาล ซึ่งท่านห้อยหัวอยู่บนนั้นนานเป็นหลายชั่วโมง พอได้ลงมาศิษย์ก็ถามว่าทำไมท่านจึงต้องปีนต้นตาลเช่นนั้น ท่านว่า  มันแรง มันร้อน มันร้อนมากๆ ต้องไปให้ลมแรงๆโกรกใส่  สำหรับตะกรุดพิเศษนี้ท่านจะให้ศิษย์นำทองแดงที่ม้วนเป็นตะกรุดดังกล่าว เข้าไปกราบหลวงปู่กลิ่นผู้ที่อาจารย์แปลกนับถืออย่างยิ่งท่านหนึ่ง เพื่อของผงพุทธคุณ ที่เรียกว่าผงโสฬสมงคลซึ่งเป็นผงชนิดเดียวกันกับที่หลวงปู่กลิ่นท่านใช้ สร้างพระปิดตา มาโรยที่ตะกรุดหลังจากถักเชือก แล้วนำไปคลุกหรือลงรักคลุมไว้เพื่อให้ผงวิเศษได้เกาะตัวติดกับตะกรุด แล้วนัดให้ศิษย์เข้ามารับตะกรุดอีกทีในวันหลัง ก่อนที่จะมอบให้กับศิษย์ท่านก็จะนำตะกรุดดังกล่าวไปปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเพิ่มความเข้มขลัง ในบางครั้งท่านก็จะเข้าไปกราบขอเมตตาจากหลวงปู่กลิ่นเพื่อช่วยเสกกำกับให้ อีกคราว เล่าถึงเรื่องความแปลกของท่านอาจารย์แปลก เรื่องหนึ่งที่ผมยังจำได้ไม่เคยลืมเพราะถือว่าเป็นเรื่องเล่าที่แปลกจริงๆ คือเรื่องอาจารย์แปลกกับกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ว่ากันว่าในคราวที่กรมหลวงชุมพรฯ ได้เข้ามาพำนักที่ตำหนักในกรุงเทพมหานคร ชื่อเสียงของกรมหลวงฯท่านนั้นโด่งดังมากโดยเฉพาะเรื่องความขมังเวทย์ของท่าน ที่ไม่เป็นรองใครเพราะถือว่าเป็นผู้มีอาจารย์ที่ดีเลิศคือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นอาจารย์ที่เรืองเวทย์และประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่กรมหลวงฯ วันหนึ่งชื่อเสียงความโด่งดังของกรมหลวงฯท่านนั้นแว่วไปถึงหูอาจารย์แปลก ซึ่งลอยเรืออยู่ในคลองพระอุดม อาจารย์แปลกจึงคิดอยากจะลองวิชากับกรมหลวงฯสักคราว ว่าชื่อเสียงที่เล่าลือกันนั้นจะเก่งแท้สักขนาดไหน โดยท่านได้เล่าให้ศิษย์ฟังถึงเรื่องที่ท่านจะทำว่า  จะเข้าไปเมืองหลวง จะไปขอข้าวลูกท่านหลานเธอกิน  หลังจากนั้นอาจารย์แปลกก็ไม่ได้อยู่ที่เรือที่ท่านอาศัย และได้จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าน้ำวัดสะพานสูง แล้วให้ศิษย์คอยเฝ้าเรือของท่านไว้ ท่านจะไม่อยู่สักพัก .... ในขณะเดียวกันที่วังของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ก็ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เรื่องของเรื่องก็คือ ในห้องเครื่องต้น (ห้องจัดเตรียมอาหารในวัง) ได้มีคนลอบเข้ามาขโมยกินข้าวหัวหม้อหรือข้าวต้นหม้อ ซึ่งเป็นข้าวที่จะถวายสำรับแก่กรมหลวงฯ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในทุกๆมื้ออาหารที่จะนำถวายสำรับแก่กรมหลวงฯ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่หลายวัน แต่ได้มีการปกปิดเรื่องไว้ จนกระทั่งสุดท้ายวันหนึ่งความก็หลุดไปถึงกรมหลวงฯเข้า ท่านโกรธมากเป็นฟืนเป็นไฟ ว่าใครที่มาทำกับท่านแบบนี้ ถ้าจับได้ ท่านจะนำไปประหาร กรมหลวงฯจึงวางแผนตั้งเวทยฺค่ายกลเพื่อดักจับโจรขโมยกินข้าวท่านให้ได้ โดยที่ทุกครั้งที่ที่ดักจับ โจรดังกล่าวก็หลุดหนีไปได้ทุกทีด้วยมนต์กำบังกายขั้นสูง จนกรมหลวงฯท่านแทบจะทนไม่ได้ที่ยังจับโจรดังกล่าวไม่สำเร็จ จึงได้ไปขอวิธีและข้อชี้แนะจากอาจารย์ของท่านคือหลวงปู่ศุข หลังจากที่ได้วิธีที่น่าจะใช้จับโจรได้แล้ว กรมหลวงฯท่านก็ดำเนินการวางแผนอย่างแยบยลและเคร่งครัด จนกระทั่งแผนดังกว่างนั้นได้สำเร็จผล คือจับโจรที่ขโมยกินข้าวต้นหม้อได้ จากนั้นก็นำไปคุมขังเพื่อให้ปริปากเอ่ยว่าเป็นใคร ทำไมถึงทำอย่างนั้น ขณะนั้นอาจารย์แปลกท่านไม่ได้เอ่ยปากใดๆแก่ทหารองค์รักษ์เลยแม้แต่น้อย ท่านเม้มปิดปากอยู่ตลอดเวลาบางครั้งก็พึมพำๆ โดยคำสั่งที่ทหารได้รับมอบมาจากกรมหลวงว่าจะต้องสอบปากคำให้จงได้ ทหารดังกล่าวจึงคิดที่จะใช้วิธีทรมานผู้ต้องขัง (อาจารย์แปลก) ด้วยวิธีต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ทั้งมีด ทั้งปืน ไม่ได้กินเนื้อกินเลือดท่านเลยแม้แต่น้อยนิด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนตกถึงค่ำ โจรขโมยข้าวที่ถูกคุมขังได้หลุดหนีออกไป ก่อนหนี ก็ได้ลอบเข้าไปในห้องบรรทมของกรมหลวงฯ แล้วเข้าไปกระซิบข้างๆหูว่า  ท่านเป็นศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ ผู้เป็นหนึ่งในปากเกร็ด ที่ลอบเข้ามาก็เพื่อแค่จะทักทายท่านฯเพราะได้ข่าวถึงเรื่องความขมังเวทย์ของ ท่านฯ มิได้คิดจะทำเรื่องใหญ่โตอะไร ต่างฝ่ายต่างมีอาจารย์ดีทั้งคู่  ก่อนอันตธานหายไป... ตื่นเช้ามากรมหลวงฯท่านจึงเรียกมหาดเล็กคนที่มีพื้นเพในพื้นที่ปากเกร็ด มาสอบถามถึง อาจารย์ใหญ่แห่งปากเกร็ด จึงได้ความว่าผู้ที่ลอบเข้ามาขโมยกินข้าวท่านก็คืออาจารย์แปลก ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ปากเกร็ด นนทบุรีนั่นเอง สนใจโทรถาม 084-7679343 Aotto ชมพระได้ที่พันธ์ทิพย์งามวงศ์วานชั้น 3 ครับ

เบอร์โทรศัพท์ :
0847679343
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด