ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :15,074

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
หนังหน้าผากเสือ ลือเลื่องอันดับ ๑ ของเมืองกรุงเก่า (ดอกของขวัญที่ระลึก หลวงพ่อธุดงค์กลับวัด!!!)
ราคา :
โชว์เครื่องราง
รายละเอียด :

Art of Siam No.20 โดย Mckgallery
ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ลือเลื่องอันดับ ๑ ของเมืองกรุงเก่า (ดอกของขวัญที่ระลึก หลวงพ่อธุดงค์กลับวัด!!!)

<<< ขนาด 2.5 นิ้ว ยุคต้นๆ ลงทอง วรรณะเขียวมรกตประกายแสงทอง แบบเก๋าๆมันส์ลึกปึ๊ก!!! >>>

============================

หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา

ประวัติหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ ท่านชาตะ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2435 ณ บ้าน ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดาตั้งนามว่า “นอ” อายุ 7 ขวบ ได้เข้าเล่าเรียนอักขระสมัยกับพระสวยที่เป็นหลวงลุงที่วัดกษัตราธิราช และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่นั่น อายุครบบวชจึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศาลาลอย 
ได้เล่าเรียนวิชาอาคมกับพระอาจารย์นาคและพระอาจารย์วงษ์ ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้า เป็นที่นับถือในหมู่คนทั่วไป โดยพระอาจารย์วงษ์เก่งทางด้านคงกระพัน พระอาจารย์นาคเก่งทางด้านมหาอุด โดยได้ศึกษามาจากสำนักวัดประดู่ทรงธรรมพระนครศรีอยุธยา 
หลวงพ่อนอ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางท่าเรือเพราะญาติโยม ที่เคยเห็นสรรพคุณของท่านมาก่อนได้นิมนต์มาช่วยสร้างวัด เพราะตอนนั้นวัดกลางท่าเรือเป็นวัดที่แทบจะเป็นวัดร้าง หลวงพ่อนอจึงได้ตั้งใจเด็ดเดี่ยวกับกรรมการวัดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เมื่อไว้ใจให้ฉันมาช่วยสร้างวัด คอยดูนะฉันจะจารตะกรุดสร้างวัดให้พวกแกดู” การนั้นก็เป็นความจริงในกาลต่อมา โดยที่หลวงพ่อนอท่านลงตะกรุดโทน ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ตามตำรับวิชาการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือจากท่านอาจารย์ที่ประสิทธ์ประสาทวิชานี้ให้กับท่านคือ พระพิมลธรรม (หลวงปู่นาค) แห่งวัดอรุณฯ เจ้าของสมญานามตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันดับ๑ ของเมืองไทย 
และเพื่อให้ของที่ท่านทำเองมีเอกลักษณ์ มีความแตกต่างจากของอาจารย์ท่านที่พันเชือกมันเป็น 3 ปล้องโดยถักเชือกหุ้มหัวท้ายตะกรุด เท่าที่พบส่วนมากจะถักลายกระสอบเกลียวละเอียด หรือเกลียวห่าง และลายจระเข้ขบฟันก็มีเช่นกัน แกนกลางเป็นตะกรุดเนื้อโลหะ เช่น ตะกั่ว ทองแดง ฝาบาตร เพื่อความแข้งแรงทนทาน (ดังเช่น ตะกรุดหลวงพ่อพิธที่มีอั่วทองเหลืองเป็นแกนกลางของตะกรุด) แล้วจึงม้วนเข้าหนังหน้าผากเสือ พร้อมทั้งร้อยไหม ๙ สี 
(แค่ไหมของท่านอย่างเดียวก็ประสบการณ์เหลือล้นแล้วครับ จากคำบอกเล่าของคุณบุญรอด น้อยดี ร้านแดนไทย ปรมาจารย์พระเครื่องเมืองละโว้ เมื่อพูดถึงเรื่อง ของหลวงพ่อนอแล้วเขามักจะพูดให้ฟังว่า ... “โอ้!! ของหลวงพ่อนอนะหรือ ใช้กันเฉพาะเชือกไหม ๙ สีของท่านก็ยอดแล้ว ใช้ได้หลายอย่างไม่ต้องพูดกันละ และเขาก็มีเชือกไหม ๙ สี ของหลวงพ่อนอคาดเอวอยู่ตลอดเวลา”) แล้วขมวดหัวเป็นบ่วงสำหรับคาดเอวได้ นับว่าเป็นการผสมผสานต่อยอดวิชาการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือ และวิชาลงตะกรุดโทนเนื้อโลหะของท่านรวมกันในดอกเดียว 
วัตถุประสงค์ท่านกระทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจทำอย่างเต็มที่เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างโบสถ์และเสนาสนะซึ่งปีหนึ่งๆทำพิธีใหญ่โต ทำได้ครั้งละไม่มากนัก เนื่องจากวัสดุหายาก คือหนังหน้าผากเสือ (โดยมากต้องสั่งจองกันยาวเป็นบัญชีหางว่าวไปเลย ผู้ได้รับไปแล้วนับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง ตะกรุดมีค่าควรเมือง ตีราคาเป็นตำลึงทอง มีค่ามากว่าเงิน 500 มากนักหนา) ปรากฏว่าตะกรุดของท่านท้ายิงได้ทุกดอก ยิงออกไม่ต้องเอาเงินมาทำบุญ ราคาทำบุญจากวัด 500 บาท (ประมาณปี 2495 – 2500) ถือว่าแพงมากในสมัยนั้น ซึ่งเทียบกับราคาทองสมันนั้นบาทละไม่เกิน 300 บาท และที่สำคัญมีการลองยิงในวัดที่เดียว จึงเป็นประสบการณ์ที่โด่งดังไปทั่วเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ถึงของดีจริง มีค่ามากกว่าทองสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้จริง 
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือเครื่องรางยุคเก่าจัดลำดับให้หนังหน้าผากเสือหลวงพ่อนออยู่ในลำดับยอดนิยมอันดับ ๕ ครับ แต่ปัจจุบันหนังหน้าผากเสือหลวงพ่อนออยู่ในความนิยมอันดับที่ 4 ครับ ตามลำดับดังนี้ -หลวงปู่นาค - หลวงปู่บุญ –หลวงพ่อหว่าง – หลวงพ่อนอ – หลวงพ่อเต๋ เกร็ดประวัติที่มาของตะกรุดหน้าผากเสือ
รุ่นทูลเกล้า กล่าวคือ

หลวงพ่อนอท่านได้เมตตาลงตะกรุดหนังหน้าผากเสือถวายพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2495 (จากบันทึกของสำนักราชเรขาธิการ ลงวันที่ถวาย 10 สิงหาคม 2495 และพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดไตรครองนำมาถวายหลวงพ่อนอ 1 ชุด ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2496) 
แต่เดิมนั้นหลวงพ่อนอท่านสร้างจะใช้แต่หนังเสือเพียงอย่างเดียวมาทำการปลุกเสก เมื่อเสร็จก็ทำการแจกจ่ายให้ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในละแวกนั้นนำไปใช้พกติดตัวทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้ตะกรุดโดนเหงื่อเสียรูปทรงง่าย หลวงพ่อคงทราบจากชาวบ้านหรือลูกศิษย์จึงคิดพัฒนาโดยการนำไม้ไผ่มาเหลาไว้เพื่อใช้เป็นแกนกลางก่อนที่จะนำหนังเสือมาพันไว้รอบแกนไม้ไผ่อีกที จากนั้นจึงนำมาถักเชือกลงรัก ซึ่งต่อมายุคหลังๆ แกนกลางจะใช้เป็นโลหะ 
การสร้างตะกรุดต่างๆ มีการนำวัตถุหลายๆ อย่าง หลายประเภทมาสร้าง หนังเสือก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะเป็นอาถรรพณ์วัตถุศักดิ์สิทธิ์ในตัว มีทั้งเมตตามหานิยม พลังมหาอำนาจ และแคล้วคลาด 
ขั้นตอนในการบรรจุวิทยาคมของหลวงพ่อนอ 
ซึ่งขั้นตอนในการปลุกเสกไม่มีอาจารย์ท่านใดเหมือนแน่นอน ก่อนปลุกเสกท่านจะใช้เหล้าเพื่อบูชาครู จากนั้นตัวของท่านจะแดงมาก ท่านจะปิดกุฎิปลุกเสกเงียบๆ คนเดียวอยู่ในกุฎิ ช่วงเวลาปลุกเสกลูกศิษย์จะได้กลิ่นสาปเสืออบอวลทั่วทั้งบริเวณตลอดจนเป็นเรื่องเล่าขานสือต่อมาไม่รู้จบของพิธีกรรมปลุกเสกที่เข้มขลังในยุคนั้น ตะกรุดหนังหน้าผากเสือเป็นเครื่องรางที่มองดูผิวเผินก็ดูจะธรรมดาๆ แต่จริงๆ แล้วทุกท่านก็คงประจักษ์กันมานักต่อนักแล้ว แม้นจะเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อหรือประสบการณ์กับตนเองในเรื่องของพุทธคุณไม่เป็นรองวัตถุมงคลใดๆ เลย โดยจะเห็นได้จากปัจจุบันตะกรุดหนังหน้าผากเสือสำนักนี้มีราคาค่างวดสูงมากยิ่งขึ้น แรงแซงทางโค้ง เนื่องจากเจตนาการสร้างดี พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ มีเอกลักษณ์ชัดเจน เป็นมาตรฐาน และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในวงการเครื่องรางของขลังขณะนี้ครับ
ขอขอบพระคุณ : Special Thanks, คุณเกร็ดเพชร (พี่สุวัฒน์), เสี่ยตั้ม คติพุทธ (คุณวินัย โชคปัญญารัตน์

Takrud tiger leather forehead 
Number One of Ayutthaya

Luang Pur Nor of Wat Klang Tharuea Ayutthaya

History of Luang Pur Nor of Wat Klang Tharuea: he was born on January 3, 1892 at Ban Salaloi Tharuea Ayutthaya. The name “Nor” was given by his father. At seven years old, he had learned read and write from Pra Suai his uncle (monk) at Wat Krasatthratirach and ordinate (before age 20) and ordination to monk at Wat Salaloi. There was luang Pur Nor learned magic with Pra-Ajarn Nak and Pra-Ajarn Wong, both are respect from common people as a strong magic power master. Pra-Ajarn Wong knows as invulnerable power. Pra-Ajarn Nak knows as against weaponry magic was learned from Wat Pradusongtam Pranakornsri-Ayutthaya 
Luang Pur Nor become an abbot of Wat Klang Tharuea because the veneration of people and believes in his magic power, when he help to build this temple. This temple was near to be deserted temple but with his intend to rebuild it. He said to board of temple “not matter, it you trust me to build the temple, I’ll created Takrud for it then you will see”. 
He created Takrud Ton (single made of matter) and Takrud Nangnasuea(Tiger leather forehead) by following the original traditional academic from his master Prapimoltham (Luang Pur Nak) of Wat Arunratchawararam( Wat Jaeng) the number one of Takrud Nangnasuea(Tiger leather forehead)in Thailand. Takrud Luang Pur Nor has its identities different from his master. It tied into 3 segments by tied the head and bottom, more common with macram? in nestle and space screw sacks pattern and also crocodile gnash pattern. The core is made from matter such as copper, lead, pieces of monk’s alms bowl lid to add the strong of Takrud (Luang Pur Pit’s core Takrud is brass). Then roll the pieces of tiger leather forehead within and thread with nine color silk to tie the waist. This Takrud is the best combination of Takrud tiger leather forehead and Takrud Ton single made of matter in one. (The experience of nine color silk of Luang Pur Nor are wildly use. The hearsay story from Mr.Boonrot Noidee of Dean Thai Shop, master of small Buddha image used as amulet of Lawo. Talk about LuangPur Nor “Oh.. Luang Pur Nor ‘s fetish just used nine color silk just good enough for all used and I ware it one on my waist.”) 
The good objective intends to collect funds to build the temple and the fact of rare material (tiger leather forehead) that cause they cannot organize the ceremony many time in a year and queues was so long ,who get it are very lucky. It is worthy of the city the exchange are more than 500 baht) 
Takrud’s Luang Pur Nor all of them can warning shoot, if the gun was shoot-out get it for free (the price from temple are 500 baht, year 1916-1957 it was very expensive gold 1 baht not more than 300 baht). The warning to shoot takrud is the demonstration of its efficacy. 
According to Kreangrang Yuk Kao book, it is ranged in 5th most popular but now it up to 4th of ranged. The top 5 range follow by Luang Pu Nak, Luang Pu Boon, Luang Pur Wang, Luang Pur nok and Lung Pur Te. 
The back ground of Takrud tiger leather forehead (Present to H.M. King Bhumibol Adulyadej)

Luang Pur Nor created Takrud tiger leather forehead present to H.M. King Bhumibol Adulyadej at August 22, 1916. (According to record book of Office of His Majesty's Principal Private Secretary and he return the monk cloth to him at August 22, 1916) 
Formerly, the creation Takrud material is only tiger leather forehead but it not durable for everyday used, contact with water or sweat, Luang Pur Nor have develop it by used bamboo to be a core and roll tiger tiger leather forehead around(after that change to matter). 
He used many kind of material to create Takrud but the main is tiger leather forehead because it has tis own magic power. It has Grace's popularity power, great authority power and escape magic power. 
Takrud Luang Pur Nor creation process 
It is no standard step to consecrate Takrud. it will vary in every master. Luang Pur Nor will used alcohol to pray his master, after that his body turn to red, he go into his house and starting recite incantations. At the same time the spread of tiger smell are surround his house. It is become the legend of Takrud tiger leather forehead Luang Pur Nor. This Takrud look very simple but the powers of it are demonstrated by many experiences. Even by them selves or from hearsay in case of Buddha’s grace because of the good purpose of created. The identity are outstanding and become standard of Takrud. It is now become the most famous in Amulet Society. 
Special Thanks: Kretpech (Suwat), Tum Khatiput (Winai Chokpanyarat)

第一老虎额Takrud

大城时代

Nor 神父 Klang Tarua 大城府

Nor 神父Klang Tarua 寺庙,出生于 3 日 1 月 2435宗教年 Sala Loy区,Tarua县,大城府。父亲给他起名为“Nor”。7 岁时,在 Kasat Tra Tirat 跟他的勃勃,“Pra Suay” 学了神子,也在那个地方做小和尚。等年龄达到了,回归了 Sala Loy寺庙作为和尚。

他跟两个神圣老师的 Nak 老师和Wong老师学习驱邪法。他们两个在人们当中,对他们非常的崇拜。Wong老师在流芳百世很专业的,而Nak老师则是在刀枪不入方面深入了解的。他们的驱邪法都是从大城府Pra Du Tsong Tham寺庙学的。

Nor神父,因为他亲戚看到他的神圣,所以邀请他来帮助建造寺庙。当时这边的Tarua寺庙也很荒凉的,所以他下决心对邀请她的那个人说“你对我这么相信,会建寺庙的,我就建寺庙给你看看”。他就根据他之前跟Nak老师学的做老虎额的方法,不久寺庙就出现了。人们称Nak老师为老虎额,泰国第一个专家。

为了他做的东西具有特征,和另一家不同。就把绳子绑为三头,从头部绑到尾部,而到多数被发现的是绣为细股的,脱离股的,鳄鱼股的,牙齿股的等等。为了加强坚固Takrud 中间都是从铅和铜制造的,(例如 Pit 神父做的Takrud,它中间是从黄金造起来的)。再把 老虎额和9色之绳翻滚在一起。

传说Boonrod Noydee先生 Dan Thai店,一位收藏驱邪品家。每次谈到Nor神父的故事,总是说“ 只要使用Nor神父的 9色之绳什么就更不用讲了”他腰上也在绑着Nor神父的绳子。这种手艺是把老虎额的做法和创造铁Takrud的做法结合在一起。

他拼命的把它做好,原因是因为为了建造了教堂,所以就以这个机会寻找加入捐赠。每一年他做的数量并不是很多,因为材料难以找到,特别是老虎额(大多数都要在一定的时间提前订Takrud,哪个人拥有了它,会非常幸运的,它的价值比超过 500 金的,非常宝贵的。更重要的事,有一场活动,能试一试射弹子,结果射到不到,这个活动证明了,这个东西能够防御危机事件的)。

根据古老驱邪品课本,表明Nor 神父的老虎额,是第五名,不过 目前它已在第四名了。从以下这些程序为Nak神父,Bun神父,Wang 神父,Nor神父,Tae神父。

老虎额的历史背景(

Tul Klao 版)

2495宗教年 10 日 8 月,从办公室国王首席私人秘书,表明Nor神父把Takrud 老虎额献给了当时的国王。

原来Nor神父只要用于课本来给东西祝圣,做完后再分给了当地人民和弟子,在日常生活携带者应用。这样情况导致了Takrud被汗水流到了,轻易地变形。 通过当地人民的口声,导致了神父想改善Takrud的想法。为了把它变得更锋利,把竹杆剪一下,剩下中间,再把课本再一次根竹杆包起来,再和绳子绣在一起,再给它祝圣。后代它中间主要用铁片来做的。

做Takrud 的过程中,总是带来各种各样东西来做,课本也包括在内,因为它本质拥有了神圣和力气。

Nor 神父的Takrud祝圣的过程

每个神父都采取不同的方法来做的,没有一定的标准。给东西祝圣之前,他要把酒对老师的尊敬,后来他本身一下子就变红了。他在睡房单独一个人悄悄地给东西祝圣,在每个时当他给东西祝圣时,他弟子都闻到这边臭味,给这个事件传到现在为止。老虎额Takrud看起来只是一般的驱邪品,不过其实每个人都听到这个东西东西的传说,有人也直接经历过这么经验,在神圣方面这个东西和其他驱邪品都是毕不了,都很神圣。从现状,这家的老虎额价格越来越贵。因为做东西的意欲,又拥有特征,,在驱邪方面非常广泛,导致受到很多人的欢迎。

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
085-8798569
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด