ท่านเริ่มสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือเมื่อปี พ.ศ. 2490 เมื่อมีคนเอาหนังหน้าผากเสือโคร่งตัวหนึ่งมาถายหลวงพ่อ เพื่อใช้เป็นอาสนะรับแขกหรือใช้นั่งกรรมฐานลวงพ่อกลับไม่ใช้เก็บไว้ในกุฏิ พระภิกษุรูปหนึ่งภายในวัดเห็นว่า ถ้าเอามาทำตะกรุดแจกจ่ายให้กับผู้ศรัทธาจะได้ประโยชน์มากกว่า จึงเรียนให้หลวงพ่อทราบซึ่งท่านก็เห็นด้วย

การทำตะกรุดหนังหน้าผากเสือ จึงเกิดขึ้นมีการตัดหนังเสือผืนนั้นเป็นแผ่นขนาดตะกรุดแผ่นใหญ่ลงอักขระยันต์กระทู้เจ็ดบท แล้วม้วนเป็นตะกรุดผูกด้วยเชือกหรือสายสิญจน์สามเปราะ แต่ละเปราะกำกับด้วยอักขระ “มะ อะ อุ”หลังจากนั้นก็ทาสีบรอนซ์ทอง พอแห้งสนิทดีก็นำเอาไปปลุกเสก

การปลุกเสกของหลวงพ่อจง ท่านใช้คาถาไปทางด้านมหาอุด แต่เคยมีผู้ถามท่านว่าใช้ในทางเมตตามหานิยมจะใช้ได้ไหม? ท่านตอบว่า " ได้ " อุปเท่ห์วิธีการใช้ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของหลวงพ่อจง(ตามใบฝอยเดิมจากวัด)

ใช้ทางเมตตามหานิยม ตบะมหาอำนาจ แคล้วคลาดคงกระพัน แลกันเขี้ยวงา กันไข้ป่าดง กันสัตว์ร้ายทางบกทางน้ำ เป็นเสน่ห์แก่ชายหญิง ไปเหนือไปใต้สารทิศใดมีคนเกรงกลัว เอาไว้แก่ตัวคนพาลจะทำร้ายมิได้ แขวนไว้หัวนอน กันโจรผู้ร้าย กันฟืนไฟต่างๆ ใช้ได้ 108 ประการดีนักแล เมื่อท่านจะไปไหนให้ระลึกถึงหลวงพ่อจง ให้ตั้งนะโม 3 หน ... อิทธิ ฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ บัดเดี๋ยวนี้เถิด (ว่าสามเที่ยวหรือเจ็ดเที่ยว)

:: ข้อมูลอิทธิคุณการใช้ คัดลอกจากใบฝอยเดิมของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกทุกประการ ::