Lord of the Ring @ Thailand
$$$$$ แหวนเงินหัวใจดวงแก้ว 4 ประการ “นะมะอะอุ” พระทองคำ..,แห่งเมืองกรุงเก่า!!! $$$$$
เนื้อเงิน แบบเก๋าๆ สุดมันส์ลึกปึ๊ก!!!
<<< ราคาแบ่งปัน 4,500.- >>>
=================================
คาถา “หัวใจแก้ว ๔ ดวง”
คือ “นะ มะ อะ อุ” หนึ่งในยอดแห่งวิชาธาตุกรรมฐาน ว่าด้วยการหนุนธาตุ ในตำราครูโบราณจารย์กล่าวว่า พระคาถาหัวใจบทนี้เป็นยอดแห่งคุณวิเศษ อันประกอบด้วย
บทที่ ๑ นะ คือ แก้วมณีโชติ เมื่อตั้ง อาโปธาตุ ให้เอา แก้วมณีโชติ หนุน
บทที่ ๒ มะ คือ แก้วไพฑูรย์ เมื่อตั้ง ปถวีธาตุ ให้เอา แก้วไพฑูรย์ หนุน
บทที่ ๓ อะ คือ แก้ววิเชียร เมื่อตั้ง เตโชธาตุ ให้เอา แก้ววิเชียร หนุน
บทที่ ๔ อุ คือ แก้วปัทมราช เมื่อตั้ง วาโยธาตุ ให้เอา แก้วปัทมราช หนุน
นอกจากนี้ ในตำรากล่าวถึง อิทธิ์ฤทธิ์ คุณวิเศษว่า เป็นการหนุนชีวิต หนุนดวง ส่งเสริมบุญบารมีให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล มีอานุภาพพุทธคุณมาก ในด้านส่งเสริม ค้ำจุนดวงชะตาชีวิต ไม่ให้ตกต่ำ มีแต่เจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย อีกด้วยเป็นประการหนึ่ง
============================
อภินิหารหลวงพ่อจง หยุดเครื่องบินกลางอากาศ!!!
" ยศ ตำแหน่ง บรรดาศักดิ์ เป็นเรื่องของโลก อาตมาไม่ใยดีในทางนี้ เมื่อเป็นภิกษุและได้ศึกษาพระธรรม มีความรู้ในธรรม หมั่นปฏิบัติธรรมได้เป็นนิจ ได้รับความสงบทางใจ ได้มีช่องทางให้ผู้อื่นมีโอกาสพิจารณาปฏิบัติได้ด้วยดี
อย่างนี้ก็ควรเป็นสิ่งพึงใจของสมณะสงฆ์แล้ว เพราะพวกเรานี้ ที่มาบวชก็เพราะมุ่งเสียสละทางตัณหาโลกามิส ได้ตัดใจตัดโลกไว้เบื้องหลัง เพื่อเข้าแสวงหาวิถีทางให้รอดพ้นจากทุกข์ทรมาน ใครทั้งหลายเคารพกราบไหว้เรา เพราะรู้ว่าเราเป็นผู้พยายามสละกิเลสอันเป็นมารชั่วร้ายเจ้าของ โทสะ โลภะ โมหะ และ ราคะ ความทะยานอยากทั้งผอง
ซึ่งแม้เราตัดไม่ออกหมด แต่กิเลสสงฆ์ถึงอย่างไรก็ต้องบางเบากว่าปุถุชนฆราวาส เราก็จึงต้องบำเพ็ญแนวทางตามความรู้ของพระธรรมให้เขาเห็น เช่น เรามุ่งมาเป็นนักเสียสละ เราก็ต้องเสียสละทุกสิ่ง เท่าที่จะพึงกระทำได้ หากเราไม่ประพฤติกระทำ คำว่าสงฆ์ หรืออริยสงฆ์ก็จะหมดความหมายลงทุกวัน
แต่นี่ก็มิจำเป็นต้องเป็นความคิดที่ถูกเสมอไป การกระทำตามระเบียบที่มีวางไว้เป็นปทัสถานนั้นเป็นไม่ผิด แต่การที่อาตมาไม่นิยมมีสมณะศักดิ์ประดับกาย ก็เป็นเอกสิทธิ์และความพอใจตามอัตภาพของอาตมา ไม่มีอะไรเป็นผิดดอก "
หลวงพ่อจงท่านชอบขึ้นเครื่องบิน ท่านมักถูกนิมนต์จากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในบางโอกาสเสมอ ได้มีนักบินผู้หนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงพ่อจงได้ขึ้นเครื่องบินสองที่นั่งไปกับจ่าอากาศเอกผู้หนึ่ง ขณะเครื่องบินวนไปทางอยุธยา หลวงพ่ออยากดูวิววัดหน้าต่างนอกของท่านทางอากาศ จึงชี้ทิศทางบอกให้นักบินพาไป เมื่อถึงแล้วนักบินจึงแจ้งให้ทราบ ตอนนั้นเองหลวงพ่อจงนึกสนุกขึ้นมา เพราะมองเห็นวัดของท่านมีขนาดเล็กนิดเดียว
จึงกล่าวแก่นักบินว่าจะหยุดสักครู่ได้ไหม นักบินตอบว่า หยุดนั้นเห็นจะไม่ได้เพราะไม่มีสนามลง นอกจากทำได้ก็เพียงแต่เบาเครื่องโฉบลงไปต่ำหน่อย
หลวงพ่อจงหัวเราะหึหึ พูดทำนองปรารภ
ขึ้นว่า " เอ๊ะน่าจะได้นะ "
พลางชี้นิ้วไปที่คันบังคับและเครื่องบิน ทันใดนั้นเครื่องบินมีสภาพคล้ายตกหลุมอากาศมหึมา ไม่มีอาการพุ่งไปข้างหน้า แต่หล่นวูบลง นักบินตกใจเป็นอย่างมากและยังคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ด้วยไปคิดสงสัยในด้านว่าเครื่องบินอาจมีอุบัติเหตุเครื่องเสีย ในใจก็ให้นึกเป็นห่วงหลวงพ่อจง ครั้นเหลียวมามองดูก็เห็นท่านหลับตาเฉยราวเกือบสิบวินาที ท่านจึงลืมตาขึ้นในขณะที่นักบินก็ง่วนอยู่กับการตรวจดูนั่นนี่หาทางแก้ไขเพื่อความปลอดภัย
แล้วก็ได้ยินหลวงพ่อจงพูดยิ้ม ๆ ขึ้นว่า "ลงมามากโขพอแล้วเครื่องบินบินต่ำแบบนี้หัวใจมันวูบวาบชอบกล " ท่านพูดสิ้นคำ เครื่องบินก็ครางกระหึ่ม ทรงตัวเคลื่อนลำพุ่งหน้าออกไป พ้นจากภาวะดั่งราวถูกดูดดึงอยู่กลางหลุมอากาศ