ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :4,618
๙๙๙ ปรอทกินทอง ครูบาศรีอ่อง วัดบรรพตสถิตย์ จ.ลำปาง ๙๙๙
เม็ดนี้ยุคต้น ได้เม็ดขนาดใหญ่ ผ่าศูนย์กลาง 1 cm. ใต้ก้นลงจารเหล็กกำกับ เลี่ยมทองลงยาสามห่วงพร้อมใช้ครับ
ลักษณะเฉพาะของปรอทกินทองหลวงพ่อศรีอ่อง จะเป็นทรงกลมผ่าครึ่งครับ ถ้าเจอกลมๆ ทั้งลูก คือ สองชิ้นหันหน้าประกบเอาด้านกลมออกแล้วเลี่ยม (ได้จากลูกศิษย์พม่าที่ยืนยันไว้ว่าได้รับแจกจากหลวงพ่อศรีอ่องที่พม่า) ส่วนที่เป็นเม็ดกลมนูนต่ำ (นึกถึงทรงขนมโดรายากิของโดเรม่อน) อันนั้นเป็น "ปรอทเล่นแร่แปรธาตุ" ของสายพม่าครับ ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำหรับต้นกำเนิดแห่งวิชาสายนี้ ปรอทกินทองก็เป็นปรอทในศาสตร์วิชาเล่นแร่แปรธาตุของพม่า คำว่าปรอทกินทอง เป็นชื่อเรียกที่เมื่อ หลวงพ่อศรีอ่องไปเรียนวิชานี้แล้วนำกลับมาทำในล้านนา จนปรอทกินทองโด่งดังและและที่รู้จักแพร่หลายมาจนปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมา สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้สร้างเครื่องรางไว้ตามตำราปรอทสำเร็จของพม่า(จากการค้นคว้าสอบถามประวัติกับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันให้ข้อมูลกับผม(เชน เชียงใหม่) ว่า โยมพ่อของหลวงพ่อศรีอ่องมี เชื้อสายพม่า ส่วนทางโยมแม่มีเชื้อเจ้าทางเจ้านาย ฝ่ายเหนือ นามสกุล เชื้อเจ็ดตน
หลวงพ่อศรีอ่องท่านเริ่มทำปรอทกินเงิน และ ปรอทกินทอง ตั้งแต่สมัยจำพรรษาที่วัดเอี่ยมวรนุช มีอยู่สองชนิดคือ ปรอทกินเงินและปรอทกินทอง ท่านจะนำปรอทไปแช่ในพิษหลากชนิดแล้วจึงเสกให้ปรอทฆ่าพิษตามตำรา จากนั้นนำปรอทที่ได้มาทำพิธีทางไสยเวทย์โบราณ โดยท่านใช้ทองคำล่อให้ปรอทกินทอง(ทองคำแท้)จนอิ่มตัว หากเป็นเงินบริสุทธิ์ก็จะออกมาเป็นปรอทกินเงิน จากนั้นนำไปเททราบจะได้ปรอทในกองทราย แล้วจึงมาแต่งให้เข้ารูป ปรอทกินทองและปรอทกินเงินหรือบางท่านเรียก "ปรอทหัวแหวน"
หลวงพ่อจะสร้างให้ศิษย์ท่ใกล้ชิดและนับถือที่ขอให้ท่านทำให้เท่านั้น มิได้ทำออกให้บูชาแต่อย่างใด จำนวนการสร้างจึงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่อยากได้ต้องเตรียมการอย่างถูกต้องตามตำราและที่สำคัญคือต้องใช้ต้นทุนในการจัดหาทองคำแท้หรือเงินบริสุทธิ์มาเอง
ประสบการณ์ เรื่องของศิษย์ท่านที่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เล่าว่า การสร้างต้องตั้งมณฑลพิธี มีพิธีบูขาครู เทพยดาเจ้าป่าเจ้าเขา และห้ามเข้าในเขตมณฑลพิธีอย่างเด็ดขาด การสร้างจะทำช่วงเช้า เวลา 9.09 น. จนถึงบ่ายกว่าๆ จึงหยุดโดยท่านจะบริกรรมคาถาตลอดเวลาที่ทำพิธี เคยมีสตรีผู้หนึ่งไม่รู้ว่าท่านทำปรอทอยู่ เข้ามาในเขตมณฑลพิธี เตาหลอมถึงกับระเบิด ปรอทและทองที่กำลังล่อหายไปสิ้น
เท่าที่ทราบไม่ปรากฎว่ามีเกจิท่านใดมีการสร้างปรอทในลักษณะเดียวกันนี้ ผู้รู้จึงแสวงหากัน นานๆ ครั้งจึงออกมาให้เห็น แม้ในพื้นที่ก็ใช่ว่าจะออกมาให้เห็นได้บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเห็นผู้รู้บางท่านนำติดตัวทำหัวแหวนเพราะขนาดพอเหมาะ พุทธคุณ สามารถช่วยขับพิษต่างๆ ที่ร่างกายได้รับ เช่น สัตว์มีพิษเอาปรอทกดที่แผล , กันสิ่งอัปมงคล , เสริมธาตุในร่างกาย , ป้องกันกระดูกหักจากอุบัติเหตุ บางท่านแช่ปรอทในน้ำผึ้งเพื่อรับประทานถือเคล็ดว่าให้ปรอทกินน้ำผึ้งและปล่อยพลังงานออกมาในน้ำผึ้ง ส่วนมากพบการใช้ทองคำเปลวปิดไว้ที่ก้นหัวปรอทซึ่งท่านว่าเป็นการเลี้ยงปรอทโดยใช้แผ่นทองคำเปลวเลี้ยง
อาณุภาพนั้นใช้ได้หลายทางดังนี้
1. ดีทางแคล้วคลาดคงกระพัน ป้องกันกระดูกหัก จากอุบัติเหตุ
2. ป้องกันพวกภูติผีปีศาจและอมนุษย์ อสุรกาย
3. ป้องกันยาพิษต่างๆ
4. ใช้เสริมดวงและอธิษฐานเสี่ยงทายเกี่ยวกับดวง เมื่อใดดวงขึ้น ทองจะสุกใส เมื่อดวงตก ทองจะหมองคล้ำ
5. ขับพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับเช่น เมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดให้เอาปรอทกินทอง กินเงิน ปิดปากแผลดูดพิษ
6. รักษาและปรับสมดุลย์ธาตุในตัว
คาถากำกับปรอทกินทอง : "จิเจรุนิ กัณหะเนหะ"
สำหรับผู้แขวนกะลาแล้ว ถ้าเป็นสายภาคกลางคงนึกถึง ราหูคู่เมฆสิทธิ์ (ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง คู่กับ เมฆสิทธิ์หลวงพ่อทับ วัดอนงค์) ถ้าสายล้านนาสิ่งที่เหมาะกับการใช้คู่กะลาราหูล้านนาก็ต้องยกให้ "ปรอทกินทอง" ซึ่งก็เคยถูกให้สมญานามไว้ว่า..., "เมฆสิทธิ์แห่งล้านนา"
:: ขอขอบคุณข้อมูลเขียนโดย พี่เชน เชียงใหม่ ณ ที่นี้ด้วยครับ ::