ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :8,673

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
สีผึ้งไก่ป่า ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า ตลับในย่ามครูบาต๋า
ราคา :
โชว์เพื่อการศึกษา
รายละเอียด :

เปิดตำนานเครื่องรางล้านนา ว่าด้วย

“มหาเสน่ห์สีผึ้งตำหรับพิสดาร แห่ง นครพิงค์”

“สีผึ้งไก่ป่า ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า”

สีผึ้ง อีกหนึ่งเครื่องรางที่เด่นในเรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม สีผึ้งในเมืองไทยมีหลายสำนักที่โด่งดัง อย่างสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้ง สีผึ้งเจ็ดจันทร์หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก สีผึ้งพรายดำหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่เป็นต้น


ทางเหนือล้านนาเราก็มีสำนักที่สร้างสีผึ้งได้ขลังและโด่งดัง ก็คือ สีผึ้งไก่ป่า ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า และ สีผึ้งแดงของครูบาวัง วัดบ้านเด่น สีผึ้งพ่อหนานดวงตั๋น บ้านดอนจืน เป็นต้น
วันนี้จะขอกล่าวถึง สีผึ้งไก่ป่า ของครูบาต๋า ซึ่งเป็นสีผึ้งที่มีวิธีการสร้างที่สุดพิสดาร และมีประสบการณ์ทางด้านมหาเสน่ห์เมตตาค้าขายต่อผู้ใช้มากมาย

เริ่มตั้งแต่วิธีการสร้าง ครูบาต๋าท่านได้สร้างสีผึ้งมหาเสน่ห์ ในราวปีสองพันห้าร้อยต้นๆ จึงถือได้ว่า สีผึ้งเป็นเครื่องรางยุคต้นของท่าน ที่ท่านได้สร้างไว้มอบให้ศิษย์ใกล้ชิดและผู้นับถือไว้ใช้ ก่อนที่จะสร้างผ้ายันต์ม้าเสพนางอันลือลั่นในคราวต่อมา
วิธีการสร้างสีผึ้ง ด้วยท่านเป็นพระที่นอกจากเก่งในเรื่องพระเวทอาคมแล้ว ท่านยังเก่งในเรื่องว่านยาสมุนไพร ท่านใช้วิชานี้ช่วยเหลือคนมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนโดนงูกัด ผีเข้า เป็นงูสวัด ตาแดง มะเร็ง หรือ โรคอื่นๆอีกมากมาย
ครั้งหนึ่ง มีชาวนาคนหนึ่งออกไปทำนา แล้ว ถูกงูเห่าพ่นพิษเข้าตา ผู้พบเห็นต่างพากันนำชายคนนี้ไปโรงพยาบาลผลปรากฏว่า หมอบอกว่ารักษาไม่ได้ตาทั้งสองข้างบอดสนิท 
ชาวบ้านซึ่งมีความศรัทธาครูบาต๋า เชื่อมั่นว่าท่านเก่งในเรื่องเมตตารักษาคน จึงพากันนำชายท่านนี้ไปหาท่าน
ท่านได้พิจารณาครู่หนึ่ง แล้ว ได้มนต์น้ำ(ปลุกเสกน้ำ)จากนั้นได้นำน้ำนั้นมาทาที่ตาของชายคนนั้น และ ให้ดื่มน้ำมนต์
ผลปรากฏว่า ชายคนนั้นได้ทำตามที่ครูบาบอก จากนั้นค่อยๆลืมตา ตาที่บอดสนิทกลับหายเป็นปกติ เป็นที่อัศจรรย์และ เรื่องราวครั้งนี้ มีผู้อยู่ในเหตุการณ์มากมาย และ เป็นเรื่องที่กล่าวขานกันมาจนถึงทุกวันนี้ 
นอกจากนี้ผู้เฒ่าผู้แก่แถววัดบ้านเหล่า หลายท่านยืนยันกันว่า พระเกจิดังท่านหนึ่งแห่งเมืองสิงห์บุรี ยังเคยมาที่วัดบ้านเหล่า ให้ครูบาต๋าท่านรักษาโรคด้วยอาคมพระเวทและพวกว่านยาสมุนไพรมาแล้ว
การหุงสีผึ้งของท่านนั้นท่านจะทำการ เคี่ยวบดมวลสารจากว่านมงคล ๑๐๘ อาทิเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว, ว่านเสน่ห์จันทร์แดง, ว่านช้างเผือก, ว่านเครือเขาหลง, ว่านกาหลงรัง ฯลฯ ฉนวนเทียนชัยในพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ครูบาต๋าท่านได้เข้าร่วมพิธี

การหุงเคี่ยวสีผึ้งนั้นจะต้องกระทำให้เสร็จภายในช่วงทิวาราตรีหรือหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเท่านั้น จึงจะปรากฏผลดีที่สุด
ขั้นตอนการทำทำได้ยากมาก เพราะ พิธีการหุงสีผึ้งตามตำหรับของท่านจะต้องไปทำการหุงกลางเมรุเผาศพในป่าช้า และ จะต้องเป็นศพของผู้หญิงที่ตายท้องกลมเท่านั้น เป็นเคล็ดวิชาของท่านซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่า ด้วยเหตุประการใดถึงจะต้องเป็นศพของผู้หญิงตายท้องกลม 
ได้แต่เพียงสันนิษฐานกันว่า ศพตายท้องกลมนั้นวิญญาณมีพลังแรงกล้า ครูบาท่านอาจเชิญวิญญาณหญิงตายท้องกลมนั้นให้เข้ามาอยู่ในสีผึ้งเพื่อเพิ่มความขลังก็เป็นไปได้ประการหนึ่ง
หลังจากที่หุงสีผึ้งสำเร็จและ ครูบาต๋าท่านจะมอบให้ศิษย์ไปใช้ บางคนก็เอาอิ่น นกสาลิกา นางกวักตะกรุด ของครูบาต๋าใส่เข้าไปด้วย บางคนก็พกเพียงสีผึ้งเปล่าๆ สีผึ้งของครูบาต๋า จึงไม่มีรูปแบบที่แน่ชัดในเรื่องของของที่บรรจุเข้าไป
ตลอดจนภาชนะที่ใช้บรรจุ บางคนก็เอาใส่ตลับยาหม่อง ตลับยางเท่าที่จะหากันมาได้ 
แต่สิ่งหนึ่งที่สีผึ้งของครูบาต๋ามีความแปลกก็คือ สีผึ้งของท่านจะมีกลิ่นหอมตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในตลับที่ปิดสนิท จะอับ
แต่สีผึ้งกลับไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่มีราขึ้น 
กลิ่นในสีผึ้งมีความหอมจากว่านสมุนไพร เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ ท่านได้มีสีผึ้งครูบาต๋าแท้ๆ ในครอบครองก็ลองดมดูและจำกลิ่นให้ดี เพราะถ้าดูเฉพาะภายนอก ของปลอมนั้นน่าจะมีเพราะทำเลียนแบบได้ไม่ยากนัก
สำหรับความมหัศจรรย์และอาณุภาพเรื่องมหาเสน่ห์ของสีผึ้งนั้น มีครั้งหนึ่งครูบาต๋าท่านได้นำสีผึ้งที่ท่านปลุกเสก
นำไปป้ายไก่ป่า (บริเวณหลังวัดบ้านเหล่าสมัยก่อนนั้น ปกคลุมไปด้วยป่า) เมื่อป้ายเสร็จท่านก็ได้เดินกลับวัดตามปกติ

แต่ปรากฏว่า มีไก่ป่าที่ถูกป้ายสีผึ้งเดินตามท่านเข้ามาถึงในวัด และ ไม่ยอมไปไหน จนเป็นที่มาของการเรียกขานว่า สีผึ้งไก่ป่า หรือ สีผึ้งไก่หลง ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครานี้เอง 
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปว่า ครูบาต๋าท่านทำสีผึ้งมหาเสน่ห์ และ ป้ายไก่ป่า เพื่อพิสูจน์เรื่องความขลัง ไก่ป่าถึงกลับหลงไม่ยอมไปไหน ชาวบ้านที่ทราบข่าว โดยเฉพาะหนุ่มๆก็พากันมาขอสีผึ้งจากท่านเพื่อจะนำไปใช้ในทางมหาเสน่ห์จนทำไม่ทัน
และ ต้องทำการหุงอีกหลายวาระ สีผึ้งของท่านจึงไม่ได้สร้างในครั้งเดียว ทำให้เห็นความแตกต่างเรื่องสีได้
โดยสีในยุคแรกๆ ที่ทำมานานนั้น สีผึ้งจะออกดำคล้ำ เมื่อส่องดูจะเห็นมวลสารที่เข้มข้นด้วยว่านและมวลสารต่างๆ
ยุคปลายสีผึ้งจะออกสีขาวนวล 
แต่ไม่ว่าเป็นสีผึ้งยุคไหนถ้าเป็นของแท้ๆของครูบาต๋าแล้ว อิทธิคุณย่อมดีเหมือนกัน

สำหรับวิธีใช้ ท่านครูบาต๋า ท่านได้กล่าวไว้ว่า ไม่ต้องมีคาถากำกับ อธิษฐานแล้วทาปากใช้ได้เลย เพราะท่านมนต์คาถาใส่ให้หมดแล้ว 
พุทธคุณ สีผึ้งของท่านเด่นทางเมตตามหาเสน่ห์ ใช้พกพา ทาปาก เวลาติดต่อเจรจาพูดคุย หนุ่มๆนิยมใช้ทาปากเพื่อคุยกับหญิงสาวที่หมายปอง พ่อค้าแม่ขายใช้ทาปากเพื่อพูดคุยเรียกลูกค้า พกพาไว้เป็นเมตตามหานิยมผู้คนเจ้านายเห็นรักใคร่เอ็นดู ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน
ขอให้ทุกท่านที่มีสีผึ้งไก่ป่าแท้ๆของครูบาต๋าในครอบครอง ใช้ให้ตรงตามจุดประสงค์ที่ครูบาอาจารย์ท่านได้ทำไว้ให้ ไม่ควรใช้ในทางผิดศีลธรรม แล้วท่านจะพบแต่ความสุขความเจริญ

>>บทความโดย เชน เชียงใหม่ และ ขอขอบคุณ ข้อมูลประกอบบทความบางส่วนจาก หนังสือประวัติครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า ที่แจกในงานศพท่าน
ตลอดจนข้อมูลจาก ครูบาเต่า วัดบ้านเหล่า และ พี่ต้น สันป่าตอง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
0894303877
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด