ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :6,596
รูปครูบาศรีวิชัยนั่งบริกรรมลูกประคำ ถ่าย ณ.วัดพระสิงห์ ปี ๒๔๗๕ จังหวัดเชียงใหม่ บ้างก็เรียกรูปคณะราษฎร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดพระสิงห์ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี ๒๔๗๕
ถ้าสังเกตุพัดรองจะมีคำว่าคณะราษฎรเป็นรูปที่บันทึกความทรงจำทางประวัติศาสตร์ของทางล้านนาภาคเหนือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองใน ปี ๒๔๗๕ ในปีนั้นจากบันทึก ทางคณะราษฎรได้ส่งรัฐมนตรีผู้เป็นเพื่อนเก่าของเจ้าหลวง คือพระยาสุริยา-นุวัตร (เกิด บุนนาค) เป็นผู้แทนขึ้นไปเยี่ยมเยียนเมืองเชียงใหม่ วัตถุประสงค์สำคัญคือดูท่าทีของเจ้านายฝ่ายเหนือที่มีต่อรัฐบาลระบอบใหม่
พระยาสุริยานุวัตรมีรายงานมายังพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ประธานคณะกรรมการราษฎร (คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามศัพท์สมัยหลังการอภิวัฒน์ใหม่ ๆ) เล่าความที่ได้ทราบมาระหว่างอยู่ที่เชียงใหม่ว่า
“คนสำคัญที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเจ้านายทั้งสิ้นในเมืองเชียงใหม่นั้น มีเถรรูปหนึ่งชื่อตุ๊เจ้าศรีวิไชย เป็นเจ้าคณะวัดสิงห์ เชื้อกะเหรี่ยง ตำบลบ้านปาง แขวงเมืองนครลำปาง ซึ่งคนนับถือทั้งเมือง ตลอดจนถึงเชียงตุง จะว่าอะไรหรือจะปรารถนาอะไรคงสำเร็จทั้งสิ้น เถรองค์นี้ถือพุทธศาสนาเคร่งครัดมาก มีฉันอาหารวันละมื้อ และไม่ฉันอาหารเนื้อสัตว์ เป็นต้น มีศรัทธาในทางปฏิสังขรวัดยิ่งกว่าทางอื่น ได้ซ่อมแซมวิหารและพระเจดีย์ที่สลักหักพังมามากแห่งแล้ว ถึงตัวจะไม่มีเงินทองเลย เมื่อตกลงทำการบุญที่ไหนแห่งใด ราษฎรไทย ลาว เงี้ยว พม่า คงจะนำเงินมาถวายเข้าด้วย ส่งเสบียงอาหารและช่วยออกแรง ออกเครื่องใช้ก่อสร้างให้โดยไม่คิดค่าจ้าง แม้แต่ฝรั่งในเมืองเชียงใหม่ที่เป็นมิจฉาธิถิก็ยังพลอยเลื่อมใสช่วยเหลือด้วย”
เมื่อเป็นดังนั้นพระยาสุริยานุวัตรจึงแวะไปนมัสการ “ตุ๊เจ้าศรีวิชัย” ที่กำลังบูรณะวัดสวนดอก เชียงใหม่ และได้พบเห็นบรรยากาศการทำงานของท่าน“เวลานี้ตุ๊เจ้าศรีวิชัยกำลังปฏิสังขรวัดสวนดอกอยู่ ข้าพเจ้าได้ไปดูก็เว้นที่จะชมอภินิหารของเธอไม่ได้ สร้างวิหารยาวใหญ่เพียงที่ได้ทำมาถึงเพียงนี้ ยังไม่ทันถึง ๑๐ เดือนก็เกือบจะสำเร็จแล้ว ยังแต่จะปิดทอง ประดับกระจกที่ลวดลายตามเสาและผนัง ตุ๊เจ้าศรีวิชัยบอกว่า ชาวบ้านเรี่ยไรเงินไปให้ไม่ถึงหกหมื่นบาทเศษ แต่วิหารขนาดใหญ่เพียงที่ทำมาได้นี้ ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ คงจะสิ้นเงินกว่าสองแสนบาท แล้วชาวบ้านหญิงชายอุตส่าห์ขนอิฐไปส่งคนละเก้าแผ่นสิบแผ่น ยังมีหญิงสาวแก่ ขนทราย หาบหรือกระเดียดกระจาดไปส่งต่อเนื่องกันเสมอ ยังมีพวกขนเข้าและเสบียงอาหารไปช่วยเลี้ยงคนทำงานอีกเป็นอันมาก ดูไปก็น่าเลื่อมไสได้จริง”