ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :3,594
หย่อนสวยแต่แท้ดูง่ายราคาย่อมเยาว์
แชมป์งานสมาคมที่โคราช ล่าสุด
ใบเซอร์สมาคม
"รอยเท้าของฉันเหยียบไว้เป็นที่ระลึกว่า ฉันคือหลวงพ่อเดิม ที่ในหลวงท่านพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูนิวาสธรรมขันธ์ หมายถึงว่า เป็นที่ตั้งแห่งธรรมทั้งปวง ฉันปฏิบัติในกรอบแห่งความดี ฉันไม่เบียดเบียน ฉันสร้างความเจริญในถิ่นกันดาร ฉันทำดีเพื่อให้พระศาสนารุ่งเรือง เมื่อได้รอยเท้าของฉันไปแล้วก็จงระลึกว่า หลวงพ่อเดิมท่านทำดี เราควรทำความดีเจริญรอยตามรอยเท้าของท่านไปเป็นคนดี คิดดี ทำดี อยู่แต่ในศีลธรรมอันดีงาม นั่นแหละรอยเท้าของฉันจึงจะขลัง"
ผ้ายันต์รอยเท้าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
ผ้ายันต์รอยเท้า หลวงพ่อเดิม จัดเป็นผ้ายันต์รอยเท้าอันดับหนึ่งของเมืองไทย มีสนนราคาการเล่นหาสูงที่สุด และหายากที่สุด ผู้ที่นำเรือ่งรอยเท้าหลวงพ่อเดิม มาเผยแพร่ในยุคต้นๆ คือ อ.ไพฑูรย์ พันธ์เชื้องาม ท่านมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับผ้ายันต์รอยเท้าหลวงพ่อเดิม ทำให้คนที่คอลัมน์ของท่านล้วนไฝ่ฝัน อยากได้ผ้ายันต์รอยเท้าหลวงพ่อเดิมมาครอบครอง และหลวงพ่อกวย เกจินามอุโฆษแห่งชัยนาท ได้เคยพูดถึงผ้ายันต์รอยเท้าหลวงพ่อเดิม ที่เป็นอาจารย์ของท่าน
หลวงพ่อกวยเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของรอยเท้าของคุณพ่อเดิมผู้เป็นอาจารย์ ท่านเคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า อาจารย์ของท่านนั้นถ้าได้เหยียบรอยเท้าลงบนตัวใครก็แล้วแต่ คน ๆ นั้น จะมั่งคั่งร่ำรวย ทำมาค้าขึ้น ท่านเคยพูดแย้ม ๆ กับศิษย์ท่านคนหนึ่งชื่อกมล บ้านอยู่ตลาดท่าช้าง ท่านพูดว่า อาจารย์ท่านได้เหยียบรอยเท้าลงบนหน้าผากใครก็แล้วแต่ คน ๆ นั้น จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่คุณกมลก็ไม่เอะใจว่าถ้าขอให้ท่านทำ ท่านก็จะทำให้ แต่ท่านก็ไม่พูดตรง ๆ เพราะการเอาเท้าเหยียบตรงหน้าผากนี่ถ้าไม่นับถือกันจริง ๆ คงไม่มีใครยอม
มีศิษย์ท่านคนหนึ่งชื่อชาติ เป็นคนทางโพธิ์งาม หรือแม่น้ำน้อยนี่แหละ ทำงานอยู่ท่าเรือบางจากเซโล บางจาก อาชีพขนของ หรือจับกัง มีความเคารพในตัวหลวงพ่อกวยมาก จะเป็นด้วยบุญหรือความฉลาดของแกนั่นแหละ วันหนึ่งแกมากราบหลวงพ่อ พอหลวงพ่อเข้าไปหยิบของในกุฏิชั้นใน แกไปนอนหงายขวางประตูกุฏิ โดยนอนหงายให้ลำตัวเหยียดยาวชนิดที่หลวงพ่อออกจากกุฏิไม่ได้ พอหลวงพ่อจะออกจากกุฏิก็ออกไม่ได้ แกพูดว่า
“ขอให้หลวงพ่อเหยียบรอยเท้าที่หน้าผากผมที ผมเองเป็นคนยากจนเข็ญใจ เป็นจับกังแบกของ มีแต่คนเขาดูหมิ่นเหยียดหยาม ขอให้ผมได้ร่ำรวยกับเขาบ้าง”
หลวงพ่อก็จะไม่เหยียบให้ แกก็ไม่ยอม หลวงพ่อท่านเลยเหยียบให้ ท่านคงจะลงมนต์ให้ด้วย เมื่อนายชาติลากลับไปแล้ว ท่านได้พูดกับศิษย์ที่เป็นกรรมการวัดว่า
“ไอ้นี่มันใจถึง มันจะได้อย่างที่มันหวัง” เหตุการณ์ล่วงเลยมาสิบกว่าปี นายชาติจากจับกังธรรมดา ปัจจุบันมีเรือบรรทุกส่งของเป็นของตัวเอง มั่งคั่งร่ำรวย มีแต่คนเรียกเถ้าแก่ชาติ เฮียชาติ
เรื่องผ้ารอยเท้านี้ สมัยที่หลวงพ่อกวยท่านมีชีวิตอยู่ ผมเคยนำผ้าไปให้ท่านเหยียบเอาไว้ ๒ ผืน ๔ รอย จะเป็นเพราะอะไรผมก็ไม่แน่ใจ ผมเอาผงขมิ้นผสมน้ำ แล้วเอาไปทาฝ่าเท้าท่าน แล้วให้ท่านเหยียบลงไปทีเดียว ๒ ผืน ซ้อนกันเลย เมื่อท่านยกเท้าขึ้นมา ไม่ปรากฎเป็นรอยเท้า มีแต่รอยขมิ้นเหลือง ๆ เฉย ๆ แม้ว่าจะนำขมิ้นทาเท้าท่านใหม่ พอเหยียบใหม่ก็ไม่ปรากฏรอยเท้า คือขมิ้นซึมหายลงไปในผ้าหมด เหยียบอยู่ ๓ ครั้งก็ไม่ปรากฏรอยเท้า ผมเกรงใจท่านเลยพอ ท่านพูดว่า “***จะดูรอยเท้ากูต้องเอากล้องส่อง” และผมก็ไม่ได้สนใจผ้ารอยเท้านั้น เพราะเจตนาจะใส่กรอบบูชา แต่ผิดหวังกลับไม่เป็นรูปเท้า
อยู่มาในวันแต่งงานผม คือส่งตัว ภรรยาผมเขาอยากทำหมอนให้แม่กับเตี่ยเขาซัก ๒ ใบเป็นที่ระลึก จะไปหาซื้อผ้าทำไส้หมอน ผมเลยเอาผ้ารอยเท้าหลวงพ่อกวยให้เขาทำ และเอาไปให้พ่อตาแม่ยายเป็นที่ระลึก พร้อมรูปหล่อบูชารุ่น ๒ หนึ่งองค์ ตอนหลังเมื่อกลับไปเยี่ยมท่าน ท่านถามว่า “พวก***เอาอะไรใส่ไว้ในหมอน” ผมก็ถามท่านงงๆว่า “ทำไมหรือ” ทั้งเตี่ยและแม่ชิงพูดพร้อมกันว่า “เอามาหนุนหัวทีไร หลับทีไร เห็นแต่พระแก่ ๆ องค์หนึ่งมายืนดูที่หัวนอน” ทั้งเตี่ยและแม่เลยไม่ยอมเอามาหนุนหัวนอนคงนึกว่าผมเอาอะไรใส่ไว้ข้างใน ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าเอาผ้ารอยเท้าหลวงพ่อกวยมาทำไส้ในหมอน จะขอคืนก็ใช่ที่จึงปล่อยเลยตามเลย
เมื่อท่านมรณภาพทางศิษย์ได้นำขมิ้นมาทาฝ่าเท้า แล้วเอาผ้าประทับ ก็ไม่ปรากฏเป็นรอยเท้าชัดเจนเช่นกัน เมื่อเล่าถึงเรื่องฝ่าเท้าของท่านแล้ว เลยขอเล่าเรื่องฝ่ามือของท่านต่อด้วย
มีหมอดูคนหนึ่งได้มาดูลายมือ และดูดวงให้พระในวัด หลวงพ่อกวยท่านอยู่ด้วยท่านก็ปล่อยเพราะหลวงพ่อท่านเคยเรียนวิชาดูดวงชะตาคนมาก่อน แต่ท่านไม่ชอบยุ่งยากคือท่านไม่มีเวลา ท่านจึงไม่ดูให้ใคร เมื่อมีหมอมาดูดวงในวัด ดูให้พระท่านก็เลยปล่อย เพราะท่านไม่ได้สงเคราะห์ใครแล้ว เมื่อดูกันจนหมดแล้ว เลยเรียกหมอไปใกล้ ๆ คือหมอดูคนนี้เป็นคนที่อื่น ไม่รู้จักหลวงพ่อ แล้วท่านก็ยื่นมือให้หมอดู หมอดูคนนี้ถึงกับตกใจหน้าซีด หมอดูได้พูดว่า “ลายมือหลวงตาไม่มีในตำราหมอดู ดูไม่ได้ มีแต่ดอกพิกุลขึ้นเต็มฝ่ามือ” ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ดอกพิกุลขึ้นเต็มฝ่ามือนี่หมายความว่าอย่างไร
อีกครั้งหนึ่งหมอดูพเนจรได้เข้ามาดูดวงในวัดให้พระเช่นกัน เมื่อพระดูดวงกันหมดแล้ว หลวงพ่อกวยท่านนึกสนุกขึ้นมาอยากให้หมอดู ดูลายมือให้ท่านบ้าง เมื่อหมอดูคนนี้เห็นลายมือหลวงพ่อได้พูดว่า “หลวงตา ๆ นี่ เป็นคนมีลูกเยอะ” คือความหมายของหมอดู คงหมายความว่า หลวงพ่อนี่เคยมีลูกมีเมียมาก่อนลูกดกมากแล้วจึงค่อยมาบวชเป็นพระหลวงตา พอหมอดูพูดอย่างนั้นท่านก็ยิ้ม ๆ พอหมอดูไปแล้ว ท่านพูดว่า “ก็จริงของมัน กูมันลูกเยอะจริง ๆ” คือท่านหมายถึงลูกศิษย์ พระเณร หมา ฯลฯ คือท่านเป็นพระที่รักลูกศิษย์นั่นเอง
เอ็งเป็นลูกหลานใครไม่สำคัญ เป็นลูกศิษย์กูนั้นสำคัญกว่า
กูจะเฝ้าอบรมบ่มวิชา วันข้างหน้าให้เอ็งได้เป็นคนดี