ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :8,364

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
หนุมาน หลวงพ่อสุ่น (หน้าโขน ยุคต้น สุดมันส์!!!)
ราคา :
โชว์เพื่อการศึกษา!!!
รายละเอียด :

 

๙๙๙  (โชว์เพื่อการศึกษา..,) หนุมาน หลวงพ่อสุ่น (หน้าโขน ยุคต้น สุดมันส์!!!) ดูง่าย แต่หายากสุดๆ สำหรับในโลกยุคปัจจุบันนี้ครับ 

 

TOP5 เบญจภาคี ชุดเครื่องรางยอดนิยมของเมืองไทย

(หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุล นนทบุรี)

       เบญจภาคีเครื่องรางยอดนิยมของเมืองไทย อันประกอบไปด้วย เสือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สมุทรปราการ , ตะกรุดโสฬสมหามงคล หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง นนทบุรี , หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุล นนทบุรี , เบี้ยแก้กันของ หลวงปู่รอด วัดนายโรง กทม. , ราหูอมจันทร์กะลาแกะ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง นครปฐม ในที่นี้จะขอยกเอาหนุมานขึ้นมากล่าวก่อน ซึ่งในแวดวงนักสะสมเครื่องรางของขลังถ้าเป็นเรื่อง “หนุมาน” ของพระเกจิอาจารย์คณาจารย์รุ่นเก่า ที่เป็นที่นิยมมาแต่ครั้งโบราณกาลต้องยกให้ หนุมาน "ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม" ของหลวงพ่อสุ่น แห่งวัดศาลากุล เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี   ผู้ได้ฉายาทางพระว่า “จันทโชติ” แปลว่า “ผู้รุ่งเรืองประดุจจันทร์เพ็ญ” 

     

     หลวงพ่อสุ่นท่านเป็นต้นตำนานการสร้างหนุมานที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม เเก่ผู้ที่มีครอบครอง การสร้างหนุมานหลวงพ่อสุ่นนั้น มีรายละเอียดดังนี้.... หลวงพ่อสุ่นท่านจะปลูกต้นรัก และต้นพุดซ้อน ดูแลอย่างดีตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมภาร ด้วยการทำน้ำมนต์ รดต้นไม้ทั้งสองเสมอมา เมื่อเป็นสมภารคลองวัด ท่านจึงดูฤกษ์ยามทำพิธีพลี และสังเวยก่อนจึงให้ลูกศิษย์ขุดรากไม้รักและพุดซ้อนตากจนแห้ง ให้ช่างมีฝีมือแกะเป็นรูปหนุมานทรงเครื่องสวยงาม จากนั้นท่านจะรวบรวมหนุมานทั้งหมดห่อด้วยผ้าขาวใส่บาตรเพื่อปลุกเสกในกุฏิ จนถึงวันเสาร์ซึ่งถือว่าเป็นวันแรง ท่านก็จะเข้าไปปลุกเสกในอุโบสถ จนครบถ้วนกระบวนการ จึงเก็บไว้แจกจ่ายบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและผู้ถวายปัจจัยในการบูรณปฏิสังขรณ์วัด 

    

    การปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่นมความเเปลก เเละพิศดารเป็นอย่างมาก คือก่อนที่ท่านจะทำการปลุกเสกหนุมาน ในตอนเช้าท่านจะให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นไม้ที่มีหนามมาไว้มากๆ ส่วนมากจะเป็นต้นไผ่ ต้นพุทรา ต้นมะขามเทศ ช่วงค่ำท่านก็จะทำวัตรกับพระลูกวัดตามปกติ หลังจากทำวัตรเสร็จเเล้ว ท่านก็จะเข้าไปในกุฎิประมาณหนึ่งชั่วโมงท่านก็จะออกมา พร้อมกับอุ้มบาตรออกมาด้วย เเล้วเรียกลูกศิษย์ให้อุ้มบาตรเข้าไปในโบสถ์ ท่านกำชับบอกลูกศิษย์ว่าห้ามเปิดบาตรเด็ดขาด ท่านพูดลอยๆว่า...ขี้เกียจจับ เเล้วท่านก็จะนั่งทำวัตรอีกครั้ง เมื่อท่านทำวัตรเสร็จเเล้ว ท่านก็นั่งหันหลังให้พระประธานเเล้วเอาบาตรตั้งไว้ด้านหน้าจากนั้นก็จะให้ลูกศิษย์นำกิ่งไม้ที่มีหนามที่เตรียมไว้ สุมไปที่ตัวท่านให้เต็มจนหาทางเข้าออกไม่ได้ จากนั้นท่านก็จะให้ลูกศิษย์ออกจากโบสถ์เเล้วลั่นกลอนประตูโบสถ์ปิดไว้ห้ามผู้ใดเข้าออก โดยท่านจะปลุกเสกด้วย อุคหนิมิต คือ การนิมิตที่จำติดตาลืมตาก็เห็น เสกจนหนุมานกระโดดออกจากบาตรได้ขึ้นมาดับเทียนชัยที่จุดเอาไว้ที่ขอบปากบาตร เพราะหนุมานนั้นได้ถูกกำกับด้วย หัวใจหนุมาน ไว้ทุกตัว ครั้นเวลาประมาณตี 4 ท่านก็จะเรียกลูกศิษย์ให้เข้าไปในโบสถ์ เพื่อเก็บหนุมานที่ติดอยู่กับกิ่งไม้เเละหนามที่สุมตัวท่าน ตัวไหนที่หล่นอยู่กับพื้นให้เเยกไว้ต่างหาก ท่านว่ายังใช้ไม่ได้เพราะปลุกไม่ขึ้น สิ่งที่คาใจในหมู่ลูกศิษย์คือหนุมานขึ้นไปติดกับกิ่งไม้เเละหนาม ได้อย่างไร เเละที่สำคัญท่านออกมาจากกองกิ่งไม้เเละหนามที่สุมตัวท่านได้อย่างไร โดยทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมทั้งสิ้น 

 

เมื่อปลุกเสก หนุมาน สำเร็จ หลวงพ่อสุ่น ท่านก็จะเก็บไว้แจกให้กับคนทั่วไปโดยไม่เลือกที่รักที่ชังและไม่ได้ตั้งราคาว่าจะเท่าไร ทุกคนที่ได้ หนุมาน ของท่านกลับไปบูชาพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเครื่องรางที่ดีในด้านเมตตาค้าขายและแคล้วคลาด 

 

หนุมานที่แกะจากไม้รากพุดซ้อน และงาช้างขนาดเล็ก สามารถจำแนกตามศิลปะเป็น 3 ศิลป์ คือ ศิลป์หน้าโขน , ศิลป์หน้ากระบี่ , ศิลป์ยุคต้นในแบบต่างๆ อีกหลายศิลป์ (ต้องพิจารณาจากวัสดุ เนื้อหาความเก่าธรรมชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง) ส่วนขนาดมีทั้งเล็กกลางใหญ่ โดยช่างฝีมือ ชื่อนายมี และช่างวัด ช่างชาวบ้านอื่นๆ << ค่าแกะหนุมาน เนื้องา องค์ละ 2 บาท , เนื้อไม้หน้าโขน องค์ละ 1.50 บาท ,  เนื้อไม้หน้ากระบี่ องค์ละ 1 บาท >> แกะเป็นรูปหนุมานทรงเครื่องและไม่ทรงเครื่อง ตัวไม่ใหญ่โตมากนัก กว้างประมาณครึ่งนิ้ว สูงประมาณ ๑ นิ้วเศษ สำหรับจำนวนการสร้างหนุมานหลวงพ่อสุ่นนั้น ลุงด้วง สุขทอง (เกิด พ.ศ.๒๔๖๑) บุตรชายของ นายปลิว สุขทอง อดีตมัคทายกวัดศาลากุน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับหลวงพ่อสุ่น ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างหนุมานของหลวงพ่อสุ่นว่า

โดยมีการสร้างครั้งใหญ่ๆ อยู่ ๒ ครั้ง คือ 

ครั้งแรก....สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ จำนวนการสร้างไม่มากนัก น่าจะไม่เกิน ๑๐๐ ตัว แกะจากไม้รากพุดซ้อน เป็นหนุมานไม่ทรงเครื่อง ทำแจกฟรีในงานบุญต่างๆ ของวัดโดยไม่มีการจำหน่าย 

 

ครั้งที่สอง....สร้างปลาย พ.ศ. ๒๔๗๐-พ.ศ. ๒๔๗๑ โดยนำออกจ่ายแจกในงานทอดกฐินของวัดศาลากุน ใน พ.ศ.๒๔๗๒ หนุมานที่ทำในคราวนั้น มีทั้งแบบทรงเครื่องหน้าโขน และหนุมานหน้ากระบี่ไม่ทรงเครื่อง แกะจากไม้รากพุดซ้อน และงาช้าง จำนวนการสร้างประมาณ ๒๐๐ ตัว ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ได้รับแจกไปจำนวนมาก เพราะเป็นเจ้าภาพในบุญทอดกฐินปีนั้น ลักษณะการแกะ แกะเป็นรูปหนุมานนั่งยองๆ จับเข่า อ้าปากเห็นลิ้นกับฟัน มีทั้งแบบทรงเครื่องหน้าโขน และหน้ากระบี่ไม่ทรงเครื่อง ทั้งนี้แบบทรงเครื่องดูสวยงามและอลังการมากกว่า แต่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะหนุมานของหลวงพ่อสุ่น มีของทำเลียนแบบจำนวนมาก ต้องพิจารณาจากความเก่าของงาและไม้ที่นำมาแกะ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ ชัดเจน คือหนุมานหลวงพ่อสุ่น ถ้าเป็นเนื้อไม้จะมีรอยร้าวและเนื้อไม้จะแห้ง นอกเหนือจากหนุมานแกะที่ทำจากต้นรักและต้นพุดซ้อนแล้ว หลวงพ่อสุ่นยังได้แกะหนุมานจากงาช้างด้วย ส่วนหนุมานเนื้องาแกะ เนื้อจะต้องแห้งเก่า แต่แฝงด้วยความฉ่ำ แบบเดียวกับงาแกะเนื้อหลวงพ่อเดิม ไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก และสนนราคาค่อนข้างสูงมาก ส่วน "เนื้องา" ก็ให้ดูความเก่าของงาให้ดี จะออกเป็นสีเหลืองธรรมชาติ ถ้าผ่านการสัมผัสจะฉ่ำมัน สีดูใสและเข้มกว่าส่วนที่ไม่ผ่านการสัมผัส เวลาคนจะทำงาให้เก่าเขาจะเอาด่างทับทิมมาผสมน้ำแช่งาลงไปแล้วนำขึ้นมาขัดจะปรากฏคราบความเก่าขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ต้องพินิจพิจารณาให้ดีจึงจะได้ของแท้

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อสุ่นไม่มีประวัติการเรียนอาคมจากพระเกจิอาจารย์ท่านใดไม่มีประวัติแน่ชัดแต่ก็มีการสันนิษฐานว่า อาจจะเรียนมาจาก หลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง (จากข้อมูลที่ได้จากคนพื้นที่ตัวจริงเสียงจริงที่เชื่อถือได ้เป็นที่เเน่นอนเเล้วว่า หลวงพ่อสุ่น ท่านได้ไปเรียนวิชาจากหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง รวมถึงเป็นหลานเเท้ๆของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงด้วยนะครับ) เพราะหลวงพ่อสุ่นกับหลวงพ่อกลิ่นเคยสนทนากันว่า "เมื่อร่ำเรียนวิชามาแล้ว ก็ต้องทำของแจกชาวบ้านบ้าง" โดยการสร้างหนุมานทั้ง ๒ ครั้ง หลวงพ่อสุ่นจะปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ หลวงพ่อสุ่น เรียนวิชาปลุกเสกหนุมาน จากพระนาคทัศน์ 

คาถากำกับหนุมานให้ว่า "โอม หะนุมานะ นะอย่าทำนะ นะมังเพลิง โมมังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธัง โธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะภุพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห" 

ลูกศิษย์หลวงพ่อสุ่นที่เล่าเรื่องให้ฟังยังบอกอีกว่า การใช้หนุมานให้ได้ผลควรจะมีคาถากำกับ ให้ตั้งนะโม 3 จบ เเล้วว่าคาถา ท่านยังบอกอีกว่าเวลาไปไหนมาไหน ให้ภาวนาในใจโดยไม่มีหนุมานก็ได้ คาถาปลุกหนุมาน ผู้เคยใช้หนุมานหลวงพ่อสุ่น ต่างมีความเชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพัน และมหาอำนาจ ดังมีตัวอย่างเริ่มแรกในยุคสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ โดย คณะราษฎร ซึ่งนำโดย พ.อ.พระยาพหลพลหยุหเสนา กับคณะทหารและพลเรือนได้ไปหาหลวงพ่อสุ่นและท่านเมตตาให้หนุมานหน้าโขนมาตัวหนึ่งโดยให้พกติดตัว พร้อมกับบอกในลักษณะที่ว่า ผ่านไปสักพักเรื่องเลวร้ายก็ผ่านไปด้วยดี ในที่สุดก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อสุ่นพูด ภายหลัง พ.อ.พระยาพหลพลหยุหเสนา ก็นำเรือที่เป็นพาหนะส่วนตัวถวายหลวงพ่อสุ่น ซึ่งปัจจุบันนี้ยังปรากฏว่ามีอยู่ จากนั้นพุทธคุณของหนุมานหลวงพ่อสุ่นก็เป็นที่ร่ำรือว่ามีพุทธคุณเด่นทางคง กระพันชาตรี แคล้วคลาด 

นอกจากนี้หนุมานหลวงพ่อสุ่นยังเป็นเครื่องรางที่มีอานุภาพเรื่องเมตตาสูงเยี่ยมเช่นกัน ในสมัยก่อนพวกลิเกต่าง ๆ ซึ่งในสมัยนั้นลิเกทุกคนมีกันไว้ทั้งนั้น เรียกว่าถ้าใครมีหนุมานของท่าน ไม่ต้องกลัวอด ไปเล่นที่ใหนบรรดาแม่ยก พ่อยก ถึงกับต้องติดตามกันเกลียว ในด้านคงกระพันไม่ต้องพูดถึง ทุกคนที่มีเคยประสบเหตุการณ์ต่าง ๆ มาแล้วแม้แต่ระเบิดยังไม่ระคายผิว จนบรรดานักเลงพระต่างตั้งสโลแกนกันว่า ...“ ถ้าเสือก็ต้องหลวงพ่อปาน ถ้าหนุมานก็ต้องหลวงพ่อสุ่น”

SPECIALS THANK ; ท่านนายกฯ สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย (ป๋าพยัพ คำพันธุ์) , คุณแต้ ขมังเวทย์ , คุณเคน , คุณปรกมะขาม , คุณเสี่ยตั้ม คติพุทธ , คุณหมู ร้านเพชร , คุณเต้ สระบุรี , คุณแจ้ เสนา , คุณป๋อง ตาคลี , คุณเติ้ง รักษ์ศิลป์ , ฯลฯ ๙๙๙

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
085-8798569
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด