ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :14,443
๙๙๙ พญาเต่าเลือน ยันต์นะหน้าทอง หลวงปู่ศุข (สุดยอดความหายาก องค์ที่2 ในรอบสิบปี ขอโชว์!!!) ขนาดเล็กน่ารัก สภาพสวย เนื้อหาอย่างมันส์ ด้านหลังยังเห็นรอยจารต้องส่องดูจะเห็นเนื่องจากคราบไขตะกั่วปกคลุมอยู่ครับ
พร้อมตลับทองปิดหลังแกะยันต์นะหน้าทอง อย่างสวยหรู สั่งทำอยู่ครับ
<<< มีเรื่องเล่ากันมาว่า หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเต่า ท่านก็เคยสร้างเต่าถวายสมเด็จเตี่ย (พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) แต่ดูจากเนื้อหาของตะกั่วนมคราบไขขาว และขนาดแล้วมีความเหมือนกันมากกับพระปิดตากรมหลวงเนื้อตะกั่วมากครับ อันนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานจากข้อมูลเปรียบเทียบเท่านั้นนะขอรับ >>>
เครื่องรางของขลัง ที่เรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน” แห่งโชคลาภ ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนับถือสัตว์หลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ เช่น ช้าง (พญาฉัททันต์) นกคุ่ม (ลูกนกคุ่ม) นกยูง (พญานกยูงทอง) เต่าหรือพญาเต่าเลือนอันกลายมาเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของคนไทย แม้กระทั่งคนจีนก็ยังถือว่าเต่าเป็นสัตว์นำโชคลาภและสัตว์ที่มีอายุยืนยาวจะไม่นิยมกินเป็นอาหารเพราะถือว่าเป็นการบั่นทอนอายุของตนเอง เต่านี่เแหละครับยังถูกนำมาเป็นหมอดู เรียกกันว่า “หมอดูเต่าทอง”
แต่สำหรับคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเต่าเลือน คือ พระโพธิสัตว์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากอันตราย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า “ครั้งนั้นสมเด็จพระทศพลเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีร่ายกายอันใหญ่โตกินแต่ใบไม้และพลาหารต่าง ๆ บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและร่างกายของพระองค์ใหญ่เท่ากับเรือนหลังใหญ่ ๆ เรียกกันว่า เต่าเรือน ท่านเสวยสุขอยู่จนกระทั่งวันหนึ่งมีสำเภาของพ่อค้ามาอับปางลงที่หน้าเกาะ ส่วนลูกเรือและพ่อค้ารอดชีวิต จากความตายในทะเลได้แต่ก็ต้องมาผจญกับความอดยาก เพราะบนเกาะไม่มีอาหารการกินแม้แต่สัตว์ใด ๆ ก็ไม่มียกเว้นพญาเต่าเรือน จึงได้แต่นอนรอคอยความตาย บ้างก็ร่ำ ๆ จะเข้ากินกันเป็นอาหาร
ดังนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าเห็นพ่อค้าและลูกเรือทั้งหลายจะพากันมาอดตายกันหมดก็เกิดความสลดใจและเห็นว่าตัวเราก็มีเนื้อมาก อีกทั้งอายุก็มากแล้วหากต้องตายไปตามอายุร่างกายก็จะเน่าเปื่อยหาประโยชน์ไม่ได้ ซึ่งชีวิตนั้นก็เกิดแก่เจ็บตายก็เลยอธิฐานเอาร่างกายตนเป็นทานจึงคลานมาที่หน้าผาแล้วทิ้งตัวลงไปทำให้กระดองกระแทกกับแง่หินแตกกระจาย เนื้อก็ไหลออกมากองอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง และทำให้พ่อค้ากับลูกเรือทั้งหลายได้อาศัยเนื้อเต่ากินเป็นอาหาร จึงรอดตาย จนกระทั่งมีเรือผ่านมารับไปและจากการกระทำของพระโพธิสัตว์ในการอุทิศร่างโดยการเลื่อนลงมาจากหน้าผานั้นเลยเรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน”
คำว่า “เต่าเรือน” จึงเป็นนามของพระโพธิสัตวืที่มีรูปร่างใหญ่และคำว่า “เต่าเลื่อน” จึงเป็นนามของพระโพธิสัตว์ขณะเลื่อนตัวเองลงมาจนกระดองแตกถึงแก่ความตายเพื่อเอาเนื้อเป็นทาน มิใช่เต่าเลือนที่เลอะเลือนจนมองไม่เห็นชัดเหมือนกับที่เขามั่วกันส่งเดชอยู่ในเวลานี้ ส่วนเต่าเลือนนั้นเป็นชื่อยันต์ที่ผูกขึ้นเป็นรูปเต่าเพื่อใช้ในการทำการสู้คดีความที่เป็นอยู่ให้หายไป มิใช่นามของพระโพธิสัตว์ก็หาไม่ และการทำยันต์เต่าเลือนนั้น เขาจะใช้การลบผงยันต์เต่าเรือนโดยซักยันต์คำว่า “นาสังสิโม” อันเป็นหัวใจเต่าเรือนแล้วลบเอาผงมาใช้ในการปั้นรูปเต่าแล้วเอาชื่อของคู่คดีที่มาให้ทำเขียนใส่กระดาษมายัดเข้าไปในอกเต่าแล้วปิดทับให้สนิท เมื่อปลุกเสกแล้วเอาไปฝังดินเอาอิฐทับ และกล่าวกันว่าคดีความนั้นฝ่ายโจทย์จะให้การขัดแย้งกันเอง จนเลอะเลือนจับต้นชนปลายไม่ถูกกับแพ้คดีไปในที่สุด การทำต้องทำให้กับผู้ที่ไม่มีความผิดแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายความผิดเท่านั้น หากทำให้กับฝ่ายผู้ผิดเป็นการละเมิดครูผู้ที่ทำจะวิบัติต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครกล้ากระทำให้ผู้ผิดยกเว้นจำพวกที่เป็นแก่ได้หรือมีความโลภซึ่งผลจากการกระทำก็ลงเอยด้วยคือ ความพินาศนั่นเอง
<<< ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.itti-patihan.com/ มาด้วย ณ ที่นี้นะขอรับ >>> ๙๙๙