ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :7,457
๙๙๙ ยันต์ราชสีห์ลายเส้น หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ (จารมือ ลายมือท่าน สุดยอดความหายาก!!!)
ยันต์ที่ศิษย์วัดขนอนเหนือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ที่นิยมสักยันต์ครู เก้ายอด (ยกเครื่องครูใหญ่) ที่มีคาถาเป็นหัวใจต่างๆกำกับ 3 แถว
ยันต์ตัวที่ 2 ที่ต้องสักก็คือ ยันต์เพชรกลับ 2 ข้างซ้ายขวา บางท่านเรียกดอกจันทร์
ยันต์ตัวที่ 3 ที่ลงก็มีให้เลือก พระนารายณ์ ต้องลงกลางหลังเท่านั้น
ยันต์ตัวที่ 4 หนุมานดันปฐพี หรือเรียกอีกแบบ ว่า หนุมานแบกบัลลังก์
ยันต์ตัวที่ 5 ราชสีห์ หรือสิงห์วาดลายเส้น เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสายนี้ไม่เหมือนใคร
ยันต์ตัวที่ 6 พระบุตร พระลบ ต้องลงตำแหน่งที่ลูบได้ เพื่อทำการปลุก ได้แก่ หัวไหล่ หลังด้านบน สีข้าง 2 ข้าง
ยันต์พิเศษ สักที่ต้นขา และนะวิเศษต่าง ๆ ที่จะพอลงไปได้ และจะมีนาคเกี้ยวอีก 2 ข้าง ซ้ายขวาของหัวไหล่ หรืออื่น ๆ แล้วแต่ท่านจะพิจารณาเมตตาสักให้
เมื่อลงครบหมดแล้วต้องมีล้อมด้วยอักขระด้วยกันถึง 3 แถว และปิดทองทั้งหลังยกเครื่องครูปลุกเสกใหญ่อีกรอบจึงจะสมบูรณ์
หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ พระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองกรุงเก่า ศรีอยุธยา วัตถุมงคลของท่านมีมากมาย ประสบการณ์เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ ประสบการณ์โชกโชนมากทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย อีกทั้งด้านเมตตาท่านก็ไม่เป็นสองรองใคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตราชธานีของไทยเราปรากฏนามของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษอันยิ่งใหญ่ ผ่านยุคสมัยอย่างมากมายจนขานไขไม่หมด แต่ละท่านล้วนสืบสายวิชาจากวัดประดู่โรงธรรม พุทธมนต์, เวทวิทยาคม, วิชาการต่างๆ ถูกจารึกจดจำเป็นคลังแห่งศาสตร์ผ่านกาลเวลามานานนับร้อยปี โอนย้ายถ่ายเทกันมาเป็นรุ่นจวบปัจจุบัน
ความเข้มขลังทางพุทธาคมของท่าน ถูกถ่ายทอดโดยโยมสุวรรณบิดาของท่านตั้งแต่เยาว์วัย ผ่านตำราของท่านขรัวแสง วัดเสาประโคนสหธรรมิกของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทำให้ท่านได้ชื่อว่า “หนังดีและมีอาคมขลังมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม” ด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่รู้ แม้อุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาหาความรู้จากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นหลายท่าน เช่น หลวงปู่ฟัก วัดทำเลไทย หลวงปู่อ่ำ วัดงิ้วงาม หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ฯลฯ
ด้านความเข้มขลังพุทธาคมและสมาธิจิตของท่าน ซึ่งแม้แต่ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงปู่สี วัดสะแก ยังเอ่ยปากให้การยกย่องแทบทั้งสิ้น
หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2456 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 ปี ฉลู อุปสมบทในเดือน 6 ตรงกับปี พ.ศ. 2479 อายุ 23 ปี พระครูสารกิจ (ฝัก) วัดทำเลไทย อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์ชุ่ม วัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทอง วัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์หลวงพ่อพรห์ม วัดขนอนเหนือ
ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2534 รวมสิริอายุได้ 78 ปี หลวงพ่อพรหมได้จัดสร้างวัตถุมงคลครั้งแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๔ เป็นเหรียญเสมา รุ่นแรก จัดสร้างครั้งต่อๆมาโดยมากสมนาคุณผู้ที่ร่วมทำบุญ จึงไม่ค่อยพบเห็นวัตถุมงคลในยุคต้นสักเท่าไรนัก ซึ่งต่อมาภายหลังท่านได้จัดสร้าง เหรียญซึ่งมีลักษณะเป็นรูปพระนารายณ์ในรูปแบบต่างๆกันเช่น นารายณ์เส้ น ,นารายณ์ออกศึก ,นารายณ์ทรงเมือง และเหรียญหนุมานออกศึก เหรียญสิงห์ , ยันต์ต่างๆ รูปทรงที่เป็นพระนารายณ์ หนุมาน และสิงห์นี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวของท่าน ประสบการณ์ วัตถุมงคลของท่านล้วนมีประสบการณ์ แคล้วคลาด คงกระพัน ทั้งสิ้น เป็นที่โจษขานกัน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างกว้างขวาง
ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ เหรียญที่ทำให้คนรู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อมากคือ เหรียญนารายณ์ทรงศาสตราวุธ เหรียญหนุมานออกศึก เหรียญยันต์เก้ายอดหรือเรียกว่ายันต์ครู เพราะจัดสร้างน้อยและหายาก เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องเล่า จากผู้ใช้ย่างโชกโชน
คำกล่าวนี้ผู้เขียนมิได้กล่าวอ้างขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย แต่ได้รับฟังจากพระอาจารย์สาท(อาจารย์โม่ง) ธรรมโชติ วัดขนอนเหนือ ผู้มีศักดิ์เป็นศิษย์และหลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อพรหม ในช่วงปี พ.ศ. 2527-2533 กลิ่นแห่งความเข้มขลังทางอยู่ยงคงกระพันของหลวงพ่อ ช่างหอมหวนชวนใจ(ลูกผู้ชาย)เกินกว่าพระอาจารย์รูปใดในอยุธยา ทำให้ผู้เขียนต้องไปกราบนมัสการท่านตามประสาคนหนุ่มวัยฉกรรจ์ ที่นิยมความคงกระพันเสาะหาครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ ไว้คุ้มครองชีวิตร่างกาย ความอ่อนน้อมถ่อมตนและรอยยิ้มแห่งความเมตตาของท่าน ยังติดตรึงใจผู้เขียนมาจนทุกวันนี้ ผิดแผกแตกต่างจากอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรงที่ล้วนประกาศศักดาเดชานุภาพ อวดอ้างฤทธิ์เกินองค์พระศาสดา ดุจเทพยดาลงมาเกิดก็ไม่ปาน สุดท้ายเห็นหอบเงินหนีสึกไปมีเมียมีลูกกันเสียนักต่อนัก
ชื่อเสียงของท่านโด่งดังตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2500 ยันต์พระนารายณ์,พระ บุตร-ลบ, ราชสีห์, หนุมานเบิกบาดาล ถูกถ่ายทอดผ่านปลายเข็มสักสู่เนื้อหนังลูกผู้ชายชาวอยุธยาคนแล้วคนเล่า ผู้ผ่านศึกมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ คมศัสตราวุธนานาหาได้ชำแรกผ่านผิวกายไม่ เพื่อนของผู้เขียนเคยโดนรุมกินโต๊ะขนาด 10 ต่อ 1 สารพัดอาวุธทั้งมีด, ไม้, เก้าอี้, ขวดเบียร์ รุมประเคนใส่อย่างไม่บันยะบันยัง หาได้ทำให้เพื่อนผู้เขียนทรุดลงไปกองกับพื้นไม่ กลับยิ่งทำให้เกิดพละกำลังมหาศาลเข้าประจัญบาน จนฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เสื้อกางเกงขาดวิ่นเต็มไปด้วยเลือด เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดกลับไม่พบบาดแผลเลยสักนิด ปรากฏว่าเป็นเลือดจากรอยแผลของฝ่ายตรงข้ามที่เพื่อนผู้เขียนฝากไว้เป็นอนุสรณ์
เล่ากันว่าก่อนที่เสือขาวจะพาพวกปล้นตลาดท่าเรือนั้น (ปิดตลาดปล้นปี 08) ได้มาขอผ้าขอดจากหลวงพ่อ (มีอานุภาพคุ้มครองบริวารได้ 7 คน) จนสามารถหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ สัตว์โลกทั้งหลายล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่ง “ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา” และตัวท่านเองก็ถึงเวลาทำกาลกิริยาลาลับโลกไป สังขารร่างกายแกร่งเป็น-นนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงแก้ว คงทิ้งไว้แต่มหิทธิฤทธิ์แห่งยันต์พระนารายณ์อันเกรียงไกรขจรขจายไปทั่วแผ่นดินอยุธยา วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่เสียงที่ยังก้องอยู่ในหัวใจคนอยุธยา คือคำพูดที่ว่า “กรุงศรีอยุธยา ไม่เคยสิ้นคนดี” วลีนี้ยังมีมนต์ขลัง
สมัยหนุ่มท่านออกนักเลง ใครๆก็รู้จัก เคยไปขอเชือกคาดจากหลวงพ่อ ขัน หลวงพ่อ ขันเดินเข้าข้างฝา เอามือคว้าอากาศข้างฝาโล่งๆ ได้เชือกคาดมาเส้นหนึ่ง หลวงพ่อพรหม ทึ่งมากนี่อาจเป็นสาเหตุที่เกิดเรื่องคล้ายๆกันนี้ และคล้ายกับหลวงพ่อ เทียนวัดโบสถ์ คือมีคนมาขอพระจากหลวงพ่อ ท่านเอามือตบๆคลำๆ อาสนะพักหนึ่งแล้วก็ล้วงเอาพระใต้ที่นั่งมาทีละองค์ ถ้ายังไม่ถึงใจ ศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อ เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งนั่งรถผ่านแถววัดในระยะที่หลวงพ่อ ไม่มีทางเห็นได้เลย ในรถหลายคนพากันยกมือไหว้มาทางวัดเพื่อไหว้หลวงพ่อ แต่ไม่ได้จอดแวะแต่อย่างใด เจอหน้าหลวงพ่อ ถามท่านว่า "หลวงพ่อ รู้มั้ยอาทิตย์ที่แล้ว พวกผมทำอะไร" จะอะไร พวกมึงยกมือไหว้กูคนละทีแล้วก็ไป
อีกครั้งอยู่ทางไกลต้องกลับบ้าน แต่ไม่เหลือเงินพอนั่งรถทัวร์หวานเย็น จับพระระลึกถึงท่านแล้วขอว่าอย่าให้กระเป๋ามาเก็บเงิน กระเป๋าเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบไม่เรียกเก็บเงินเลย พอเจอหน้ายังไม่ทันจะกราบ ท่านชิงพูดว่า "เรื่องเงิน -ช่วย-ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ" ยังไม่พอ อีกครั้งหนึ่งเอาพระบูชาของวัดดังมากๆ องค์หนึ่งใส่กระเป๋า ไปให้ท่านเสกเพิ่มพอกราบเสร็จท่านพูดเลยว่า "เอาพระบูชาไปไว้ในห้อง ของเค้าก็ทำมาดีแล้วนี่หว่า แน่ะ พระยิ้มซะด้วยนะ" และพระองค์นั้นยิ้มละมัยจริงๆ โดยที่มองจากภายนอกจะไม่มีทางรู้เลยว่าข้างในใส่อะไรหลวงพ่อ ยังมีอีกหลายเรื่องแปลกๆ แต่คงไม่จำเป็นต้องเล่ามาก
หลวงปู่สีวัดสะแก ซึ่งท่านเก่งมากๆ ยังชมว่า " ในอยุธยา(ยุค)นี้ เรื่องคงกระพันไม่มีใครเกิน(ท่านพรหม)"ฟังคำบอกเล่ายังไม่เท่าไหร่ เรื่องจริงจากศิษย์คนเดิมคือ คนห้อยเหรียญหลวงพ่อ ทำงานง่วงๆ โดนเครื่องตัดกระดาษโรงพิมพ์ หนีบแขนเข้าไปจนเครื่องค้าง คมขนาดไหน ไม่มีใครคิดว่าจะได้แขนปกติเหมือนเดิม พอถอดเครื่อง งัดกันออกมาแล้ว มีแค่รอยถลอก เหรียญหลวงพ่อ ถ้าไปแถวนั้นเท่าไหร่ก็ไม่พอแจก ตอนแรกห้อยไปอย่างนั้นตอนนี้ลองขอเช่าสิ ไม่มีทาง รุ่นไหนไม่บอก เดี๋ยวจะแพงเกิน
ของดีของหลวงพ่อที่คนแสวงหาคือ เหรียญในรูปแบบต่าง ๆ เหรียญรุ่นแรก นารายณ์ 1 นารายณ์ 2 นารายณ์ทรงเมือง หนุมานออกศึก ตะกรุดโทนเก้ายอด ตะกรุดโทนนารายณ์ศาสตราวุธ โสฬสมงคล แหวนปลอกมีด และนกสาลิกา วิชาดังๆก็หนุมาน เป็นต้น มีคนกล้าถามท่านว่า "หลวงพ่อ ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย" ท่านมองหน้าแล้วส่ายศีรษะ แบบนี้เราควรกราบท่านไหมครับ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ท่าน ขอนำมาเผยแพร่เกียรติคุณหลวงพ่อเพื่อศึกษาต่อไปครับ ๙๙๙