ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,164 ผู้ชมทั้งหมด :43,974,293 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :4,157

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
รุ่นแรก สีหู ห้าตา ครูบาบุญญัง บุญญังกโร วัดห้วยนำ้อุ่น จ.ลำพูน
ราคา :
มาใหม่
รายละเอียด :

มีใบประการที3งานสมาคมพระเครื่องหนึ่งใบ พระอินทร์จำแลงสีหูห้าตา คูบาบุญยัง วัดห้วยนํ้าอุ่น จังหวัดลำพูน เนื้อไม้กระดุมล้อเกวียนนับเป็นรุ่นแรกของท่านสร้างทั้งหมด 108องค์ องค์นี้เป็นองค์ที่ 34 *** สี่หู ห้าตา (พระอินทร์จำแลง แรงจริงๆ)ครูบาบุญญัง ปุญญังกโร วัดห้วยน้ำอุ่น อ.ลี้ จ.ลำพูน // จำนวนการสร้าง องค์ใหญ่บูชา ๓๘ องค์ // องค์เล็ก ทั้งหมด ๑๐๘ องค์ มีเลขใต้ฐานทุกองค์ // วัตถุประสงค์ เจตนาดั้งเดิมออกให้ทำบุญสร้างเสา ศาลาบำเพ็ญบุญอธิษฐานบารมี จำนวน 63 ต้น แต่ตอนนี้ทะลุเป้าไปแล้วเพียง 7 วัน ก็ได้ยอดทะลุเป้าไปแล้ว ที่ 72 ต้น/// คำบูชาสี่หูห้าตา (พระอินทร์แปลงรูป) สาธุ อะหัง นะมามิ พระอินทร์ อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร นะโมพุทธายะอิอะระณัง อะระหัง กุสะลาธัมมา สัมมาสัมพุทโธ ทุสะนะโส นะโมพุทธายะ พระโสนามะ ยักโข เมตตามหาลาภา ปิยังมะมะ ทันตะ ปริวาสะโภ วาสุนี หะเต โหนตุ ชัยยะมังคลานิ / การสวดคำบูชา สวดทุกวัน กันไฟไหม้ ฟ้าผ่า อันตรายต่าง ชนะภัยทั้งปวง บรรเทาทุกข์ จากการเจ็บป่วย และเป็นมหาโชค มหาลาภ แก่ผู้ที่บูชากราบไหว้ ดีนักแล. /// ตำนานนิทานพื้นบ้าน"สี่หู ห้าตา"(ครูบาชัยวงศาพัฒนา) กาลครั้งหนึ่ง ในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มกำพร้าผู้หนึ่ง ฐานะยากจนขัดสนมาก แต่ยังมีที่ทำกินเพียงน้อยนิดไว้สำหรับปลูกข้าว มีอยู่ปีหนึ่งดูเหมือนว่า ฝนฟ้าจะไม่เป็นใจให้ชายหนุ่มมากนัก ต้นข้าวที่ปลูกไว้ แห้งตายมากพอสมควร แต่ยังเหลืออยู่บ้าง....มีพระอินทร์บนสวรรค์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งมองเห็นชีวิตและความเป็นอยู่ของชายหนุ่มผู้นี้ พระอินทร์ผู้มีศักดิ์คิดอยากจะลงมาช่วยเหลือชายหนุ่มกำพร้า ให้พ้นจากความทุกข์ยาก จึงแปลงร่างมาปรากฏ เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งมีหู สี่หู มีตาอีกห้าดวง ในโลกมนุษย์ไม่มีสัตว์ประเภทนี้เลยก็ว่าได้ และสัตว์ประหลาดตัวนี้ ได้มาทำลายต้นข้าวที่ยังเหลืออีกส่วน บังเอิญชายหนุ่มซึ่งได้มาพบเห็น ต้นข้าวที่ถูกทำลาย ก็เกิดความโมโหขึ้นมาทันที คิดจะฆ่าสัตว์ตัวนี้ แต่ก็ไม่มีอาวุธใดและพยายามหาวิธีจะกำจัดให้พ้นๆไป แต่ก็ไม่รู้จะทำด้วยวิธีใดอีก ระยะเวลาผ่านไป จนกระทั่ง ชายหนุ่มจับสัตว์ประหลาดได้ จึงพามายังที่พัก เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ได้ผูกติดไว้ติดกับต้นเสา พอตกเย็นใกล้จะถึงหัวค่ำ ชายหนุ่มก็ได้หาอาหารที่มีอยู่ตามประสาคนจน พอมีพอกินและให้อาหารสัตว์ตัวนั้น มันก็ไม่ยอมกินอาหารแต่อย่างใด แต่มันทำตัวดูเหมือนว่ากำลังหนาวจัด คงต้องการความอบอุ่นมาก ชายหนุ่มจึงหาฟืนแล้วก็ก่อไฟให้มัน จนระยะเวลาผ่านไป ชายหนุ่มรู้สึกง่วงนอนมาก จึงคิดจะกลับไปนอนพักผ่อน พอหันมาอีกที เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังจับถ่านไฟแดงที่ร้อนจัด กินเข้าไปอย่างไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด... \\\ จนกระทั่งชายหนุ่มเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างพอดี และยังรู้สึกงงอยู่มาก ที่ได้พบสัตว์แปลกประหลาดตัวนี้ แต่ยังพบความแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นอีก ที่ชายหนุ่มต้องตกตลึงมาก คือสัตว์ตัวนั้นกินถ่านไฟ ซึ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน และยังขับถ่ายออกมาเป็นทองคำแท้อีก ชายหนุ่มกำพร้าจึงร่ำรวยขึ้นมาเรื่อยๆ......ชายหนุ่มจึงกลับมาทบทวนความคิดอีกครั้ง....เออ!!.....ดีนะที่เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น มิเช่นนั้นเราคงไม่มีทรัพยสมบัติมากมายอย่างนี้.....แสดงให้เห็นว่า ชายหนุ่มกำพร้าผู้นี้ ก็ยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ถึงแม้ต้นข้าวที่ถูกทำลาย จนเกิดความเสียหาย จนโมโหมาก แต่ก็ยังคิดจะละเว้นชีวิตให้สัตว์ตัวนั้น.....นิทานเรื่องนี้ อ้างอิงมาจากเรื่องเล่าของหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา(ครูบาวงศ์) อยากให้ทุกคนมั่น "รักษาศีล ภาวนาให้มากๆ และมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา".....ถ้าคนเรายึดถือสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตเราจะพบแต่ความสุขตลอดกาล......///// ความหมายของแมงสี่หูห้าตา ตามตำนาน "แมงสี่หูห้าตา" ฉบับครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาอธิบายว่า จำนวนสี่หูและห้าตานั้นแสดงถึงหลักธรรมทางพุทธศาสนา คือพรหมวิหาร 4 และศีล 5 ตามลำดับ เป็นการให้คติแก่พุทธศาสนิกให้พึงรักษาและปฏิบัติหลักธรรมดังกล่าว ตำนานแมงสี่หูห้าตา[๑] ตำนานของแมงสี่หูห้าตานั้น เป็นตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงราย ในส่วนนี้ เป็นตำนานของแมงสี่หูห้าตาตามฉบับที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเป็นตำนานฉบับวัดดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นเรื่องราวของ "อ้ายทุกคตะ" มีความว่า ในอดีตกาล ประมาณ ๑,๐๐๐ กว่ามีมาแล้ว มีเมืองหนึ่งที่ชื่อว่า "นครพันธุมติ" โดยมีเจ้าเมือง "พระเจ้าพันธุมติราช" เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง ในการปกครองเมืองนั้น ปกครองกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีปัญหาต่าง ๆ มาวุ่นวาย มเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชนั้น มีพระมเหสีอยู่ทั้งหมด ๗ พระองค์ ในเมืองนี้ มีครอบครัวคนจนอยู่ มี ๓ พ่อแม่ลูก ออกขอทานหาช้าวกินค่ำ ลูกคนนี้มีชื่อว่า "อ้ายทุกคตะ" เมื่อเขามีอายุ แค่เพียง ๔ ขวบ แม่ก็มาด่วนจากเสียชีวิตไป การออกขอทานของอ้ายทุกคตะนั้น ก็มีทั้งชาวบ้านที่ใจดีที่ยอมให้ทานและชาวบ้านที่ไม่ชอบหน้าได้ขับไล่ไปก็มี เมื่ออ้ายทุกคตะมีอายุได้ ๑๒ ปี พ่อก็ให้ลูกไปรับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงควายของผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองนี้ แต่ไม่กี่ปี พ่อก็มาป่วยหนัก คิดว่าจะไม่รอด จึงอบรมและสั่งเสียให้อ้ายทุกคตะเป็นคนดีมีศิลธรรม เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เมื่อพ่อเสียชีวิต ให้ฝังศพไว้ที่ป่า จนกว่าหัวกะโหลกของพ่อจะหลุด แล้วนำมาไหว้สัการะบูชาที่บ้าน เมื่ออายุ ๑๗ ปี ก็ให้ลากหัวขึ้นดอย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าหัวติดตรงไหน ก็ให้ฝั่ง แล้วทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ตรงนั้น ถ้าสัตว์ตัวใดมาติดบ่วงแร้ว ให้จับมาเลี้ยงไว้ หลังจากนั้นพ่อก็เสียชีวิตลง อ้านทุกคตะทำตามคำสั่งเสียของพ่อทุกอย่าง จนกระทั่ง เมื่อมาดูศพของพอแล้ว หัวหลุด จึงทำตามคำสั่งเสียของพ่อ และเมื่อถึงเวลา อ้ายทุกคตะลากหัวพ่อจนไปติดที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง จึงได้ทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ที่นั่น และหลังจากนั้น ๒-๓ วัน เมื่ออ้ายทุกคตะมาดู ปรากฏว่า มีสัตว์ประหลาดมาติดบ่วงแร้ว ลักษณะตัวดำ ต่ำอ้วนเหมือนหมี ขนยาวสีดำ มีหู ๔ หู และ มีตา ๕ ตา จึงเป็นชื่อเรียกของ "แมงสี่หูห้าตา" นั่นเอง อ้ายทุกคตะได้เห็นแมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วนั้น ก็ไหว้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ ทำให้ตนเข้าใจว่า เป็นพ่อได้กลับมาเกิดเป็นแมงตัวประหลาดตัวนี้ หลังจากนั้น เขาก็นำแมงสี่หูห้าตาไปเลี้ยงที่บ้าน และล้อมคอกไว้โดยไม่ให้ใครเห็น เอาข้าวเอาน้ำให้มันกิน แต่มันก็ไม่ยอมกินอะไรที่เขาให้เลย และเขาก็ไม่มีเวลามาดูแลหรือให้ความสนใจกับแมงสี่หูห้าตามากนัก เพราะต้องเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามปกติ ในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เมื่ออ้ายทุกคตะกลับมา ก็เอาไม้มาจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ จนเป็นถ่าน และมีถ่านหนึ่งกระเด็นออกไปหาแมงสี่หูห้าตา ด้วยความหิวกระหาย มันจึงกินถ่านไฟแดงตรงนั้น อ้ายทุกคตะเกิดความแปกใจ จึงก่อกองไฟและเขี่ยถ่านให้แมงสี่หุห้าตากินอย่างไม่ขาด วันต่อมา แมงสี่หูห้าตาได้ถ่ายขี้ออกมาเป็นทองคำจำนวนมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในแต่ละวัน อ้ายทุกคตะจึงก่อกองไฟแล้วนำถ่านไฟแดงร้อน ๆ มาให้แมงสีหูห้าตากินอย่างไม่ขาด และมันก็ขี้ออกมาเป็นทองคำทุก ๆ วัน อ้ายทุกคะก็ขุดดินฝัง ทองคำจนเต็มไร่เต็มสวน ต่อมา ก็มีข่าวการเผยโฉมของ "พระนางสีมา" พระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมติราช ซึ่งเป็นพระราชธีดาที่มีรูปโฉมสวยงาม จนเหล่าบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ หลายร้อยเมือง มาขอเป็นมเหสี (ขอแต่งงาน) พระเจ้าพันธุมติราชจึงตัดสินใจว่า ถ้าต้องการพระนางสีมาเป็นมเหสี ให้สร้างรางรับน้ำฝนทองคำจากบ้านมายังปราสาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป แต่อ้ายทุกคตะก็ได้ทราบถึงเรื่องนี้ด้วย จึงไปจ้างช่างทำรางรับน้ำฝนไปสร้างด้วยทองคำ และสร้างจากบ้านมายังปราสาท หลังจากนั้น ทำให้ชาวบ้านในเมืองได้เห็นสิ่งที่หน้าประหลาด นั้นคือ รางรินน้ำทองคำ ก่ายพาดตามทาง ยาวสุดลูกหูลูกตา เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชทรงทราบ จึงให้เสนาอำมาตย์ ไปติดตาม พบว่า รางน้ำนั้นมาจากบ้านของอ้ายทุกคตะ พระเจ้าพันธุมติราชจึงสั่งการให้ทำถนนเป็นอย่างดีไปจนถึงบ้านของอ้ายทุกคตะ เมื่อได้ฤกษ์ยามที่ดี อ้ายทุกคตะจึงได้อภิเษกสมรสกับพระนางสีมา และจัดแต่งองค์ให้กับอ้ายทุกคตะ หลังจากที่อ้ายทุกคตะได้อภิเษกสมรสมาเป็นบุตรเขยแล้ว พระเจ้าพันธุมติราชจึงถามเรื่องทองคำว่าได้มาจากไหน เขาก็ตอบว่าได้มาจากแมงสี่หูห้าตา พระราชาจึง สั่งให้ไปขุดทองที่บ้านในสวนจนหมด ใช้เวลา ๗ วัน ๗ คืนกว่าจะขุดได้หมด เพื่อเอาทองคำมาเป็นทรัพย์สมบัติ เมื่อถามถึงเรื่องตัวของแมงสี่หุห้าตาแล้ว จึงขอให้อ้ายทุกคตะไปเอาตัวมันมา แต่มันกลัวพระเจ้าพันธุมติราช จึงหลุดหนีออกไป พระราชาจึงสั่งให้เสนาอำมาตย์ไปตามจับมา ซึ่งหนีได้ ๒ ครั้ง และครั้งที่ ๓ จับได้จึงใส่กรง วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชต้องการจะสัมผัสตัวแมงสี่หูห้าตา เมื่อเปิดกรงออก มันจึงหนีออกจากกรง พระราชาจึงวิ่งตาม จนมาถึงหน้าถ้ำซึ่งเป็นที่ ๆ แมงสี่หูห้าตาเคยติดบ่วงแร้วไว้ครั้งก่อน พระราชาคิดว่าแมงสี่หูห้าตาวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำ จึงตามเข้าไป ทำให้ถ้ำเกิดดินถล่มปิดปากทำ พระเจ้าพันธุมติราชจึงถูกขับอยุ่ในถ้ำ พวกเสนาอำมาตย์จึงหาไม่เจอ พระเจ้าพันธุมติราชที่ถูกขังอยู่ในถ้ำนั้น ก็ได้แต่โทษตัวเองว่า ด้วยความโลภเพราะอยากได้แมงสี่หุห้าตา จึงถูกกักขังไว้ในถ้ำแห่งนี้ และคาดว่าจะสวรรคต เมื่อถ้ำแตกออกเป็นรูเล็ก ๆ จึงเรียกพวกเสนาอำมาตย์ให้ไปตามพระมเหสีทั้ง ๗ มา และสั่งให้ ทั้ง ๗ คนพากันสละความอายด้วยการเปิดผ้าถุงให้เห็นสรีระและอวัยวะภายในของมเหสีทั้ง ๗ ให้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสวรรคต พระมเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชต่างเกี่ยงกันไปเกียงกันมาด้วยความอาย ไม่กล้าเปิดผ้าถุง แต่แล้ว พระมเหสีเมียน้อยคนที่ ๗ จึงตัดสละความอาย เปิดผ้าถุงให้ดู ทำให้เห็นอวัยวะเพศหญิงจึงเกิดสิ่งมหัศจรรย์ มีเสียงหัวเราะจากถ้ำทำให้ปากถ้ำเปิดพระเจ้าพันธุมติราชหนีรอดออกมาได้ และสวมกอดมเหสีคนที่ ๗ ว่าต่อไปนี้พี่จะรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงต่อไป ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ชายหลงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงนั่นเอง เมื่อทั้งหมดกลับเมือง ก็มีความสงบสุขเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยไม่ได้พูดถึงแมงสี่หูห้าตาอีกเลย จนกระทั่งพระเจ้าพันธุมติราชได้สละราชสมบัติให้กับอ้ายทุกคตะซึ่งเป็นบุตรเขยได้สืบราชวงค์ต่อไป และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "พระยาธรรมมิกะราช" และมีการเฉลิมฉลองนับ ๗ วัน ๗ คืน มีพระสงฆ์มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา แล้วนำพระบรมพุทธสารีริกธาตุนิ้วก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้ามาถวาย ในฐานะที่เป้นเจ้าเมือง พระยาธรรมมิกะราชจึง โปรดให้สร้างวัดวาอารามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และได้สร้างวัดดอยเขาควายแก้วโดยนำเอาพระบรมพุทธสารีริกธาตุวก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้าบรรจุใส่ไว้ในเจดีย์ของวัดดอยเขาควายแก้วอีกด้วย วัดนั้น สร้างตรงยอดดอยที่มีถ้ำที่แมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วได้ที่นั่น และเป็นวัดพระธาตุดอยเขาควายเก้วของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน ๙๙๙

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
082-0776776
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด