เอกลักษณ์ของตะกรุดหนังเก้งอาจารย์กู๋นั้นพันด้วยด้ายหลอดเช่นเดียวกันแต่ตรงกลางจะเป็น"ตะเข็บเป็นสันนูน"ชุบรักยุคต้นๆยุคแรกเป็นรักดำอมแดง ยุคปลายเป็นรักดำ

ส่วนอีกสำนักเป็นของหลวงพ่อสงัดอดีตเจ้าอาวาสวัดหัวโพธิ์ที่ทำเป็นหนังเก้งม้วนพันด้วยด้ายหลอดเหมือนกันแต่ไม่มีตะเข็บมีทั้งชุบรักดำและไม่ชุบรัก และวัดทองประดิษก็มีการสร้างแต่ยังไม่เก่ามากยังพอที่จะแยกให้เห็นความแตกต่างได้

สมัยที่ท่านอาจารย์กู๋ทำนั้นท่านไม่ได้ประเมินราคาค่าบริจาคแต่อย่างใดใครขอท่านก็ให้แต่ท่านไม่ได้ทำเอาไว้มากมายสักเท่าใดนักเพราะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากพอควรโดยเฉพาะขั้นตอนการลงยันต์และปลุกเสก

ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอสองพี่น้องต่างยกย่องตะกรุดหนังเก้งของอาจารย์กู๋ แห่งวัดสองพี่น้องว่า "เล็กพริกขี้หนู" จริงๆ

ในสมัยก่อนคนที่ต้องเดินทางไกลหรือเข้าป่าจึงมักนิยมใช้ตะกรุดหนังเก้งนี้ร้อยกับเชือกและแขวนเอาไว้ที่คอเพื่อสะดวกแก่การเดินทาง พุทธคุณของตะกรุดหนังเก้งนั้น โดดเด่นด้านการป้องกันภัย ขับไล่ภูติผีปีศาจ ป้องกันคุณไสย์มนต์ดำและสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายต่างๆ ตลอดจนถึงแคล้วคลาดและคงกะพันมหาอุต ป้องกันเขี้ยวงาจากสัตว์มีพิษต่างๆโดยเฉพาะงูเห่า เป็นต้น จึงเป็นเครื่องรางที่นอกจากพกพาติดตัวเพื่อกันภัยแล้วยังสามารถใช้ในการขับไล่หรือทำลายภูตผีปีศาจและมนต์ดำทั้งหลายให้พินาศลงไปด้วย

ขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลเดิมทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ