ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,188 ผู้ชมทั้งหมด :41,555,699 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :9,377

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
ปลัดขิกอันดับ 1 ของเมืองไทย (หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา)
ราคา :
โชว์เครื่องราง
รายละเอียด :

ปลัดขิกอันดับ 1 ของเมืองไทย

(หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา)

 

         สุดยอดปลัดขิกอันดับ 1 ของเมืองไทย ที่ในอดีตเคยถูกจัดให้อยู่ในชุดเบญจภาคีเครื่องราง โดยมี "ปลัดขิก หลวงพ่อเหลือ เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่น วัดศรีษะ เบี้ยแก้กันของ วัดนายโรง"

            หลวงพ่อเหลือ ท่านเป็น 1 ใน 108 พระเกจิอาจารย์ ที่ได้รับนิมนต์ มาร่วมนั่งปรกพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ในงานหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ที่วัดราชบพิตร ระหว่างปี พ.ศ.2480-2481 ท่านได้ศึกษาวิชาจากทั้งหลวงพ่อขริก วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน และหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือนั้นใช้ดีทางเมตตามหานิยมและคงกระพัน ท่านโด่งดังทางด้านปลัดขิก สมัยนั้นแม่ค้าจะมาขอปลัดขิกของท่านเพื่อช่วยในการทำมาค้าขาย ส่วนผู้ชายนำไปใช้ทางมหานิยม ติดตัวไว้ไม่ตายโหง ซึ่งผู้ชายนิยมร้อยเชือกแขวนไว้ที่เอว และพ่อค้าแม่ขายนิยมนำไปเป็นของขลัง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทำมาค้าขึ้น ประสบการณ์จากผู้ที่บูชาเท่าที่ทราบนั้น  ลือเลื่องของเมตตามหาเสน่ห์เป็นยิ่งนัก  และเรื่องของคงกระพันชาตรีก็มิใช่ย่อยเช่นกันครับ นอกจากความโด่งดังจากเรื่องปลัดขิกแล้วยังมีเรื่องเล่าว่าท่านสามารถปลุกเสกตนเองให้ลอยทวนน้ำได้ ชาวบ้านจึงพากันเลื่อมใสศรัทธาและเคารพบูชาท่านเป็นอันมาก

       คำว่า  "ปลัดขิก"  แท้จริงก็คือ  รูปศิวลึงค์  นั่นเอง  หรือที่บางคนบอกว่าเป็นรูปของอวัยวะเพศชายก็ไม่ผิด  ปลัดขิกของเกจิคณาจารย์ในเมืองไทยที่ได้รับความนิยมนั้นมีอยู่หลายสำนัก  แต่ที่ขึ้นชื่อมากคือ  หลวงพ่อเหลือ  วัดสาวชะโงก  อ.บางคล้า  จ.ฉะเชิงเทรา  และหลวงพ่ออี๋  วัดสัตหีบ  ชลบุรี

     แค่ชื่อวัดก็นับว่าสุดยอดครับ  สาวยังชะโงกแล้วอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง  หลวงพ่อเหลือความจริงท่านโด่งดังมาจากเรื่องของผ้ายันต์แดง  ที่ทำแล้วปลุกเสกแจกทหารในสงคราม  พ.ศ.2483-84  ที่ทหารไทยนำเอาไปใช้แล้วยิงไม่เข้าแทงไม่เข้านั่นเอง แต่ต่อมามีคนทราบว่าท่านเก่งในเรื่องของปลัดขิกด้วยจึงพยายามให้หลวงพ่อทำปลัดขิกให้  ปลัดขิกของหลวงพ่อนั้น  ท่านจะทำด้วยไม้คูณตายพราย  ไม้แก่นคูณ ฯลฯ เมื่อได้ไม้ตามปรารถนาแล้ว  หลวงพ่อท่านจะทำน้ำมนต์ขึ้นมาก่อนแล้วราดลงไปที่ไม้  จากนั้นนำเอาไม้ไปตากแห้ง  เมื่อไม้แห้งแล้วจึงนำเอามาแกะเป็นปลัดขิก  ในยุคแรกๆ  หลวงพ่อทำเองทั้งหมดแม้แต่จารอักขระยันต์ถึงการปลุกเสก
ลายมือท่านจะเหมือนภาษาจีน ส่วนก้นลูกแก้ว ลายมือสวย จารตัวโต เป็นอาจารย์คงลูกศิษย์

เมื่อแกะรูปปลัดขิกแล้วหลวงพ่อท่านจะทำการลงคาถาหัวใจโจร  พร้อมกับลงตัวอุที่ด้านปลายของปลัดขิกทุกตัวด้วยอักขระตัวอุ  ซึ่งการจารลงนั้นท่านใช้เหล็กปลายแหลมเล็กๆ  ด้ามไม้ลงจาร  1-3-5-7-9  ตัว  ต่อมาให้ลูกศิษย์จารแทนให้เมื่อคราวที่ท่านอายุมากขึ้น  สำหรับคาถาหัวใจโจรของหลวงพ่อเหลือที่ใช้กำกับว่าดังนี้

    
"อิติกะตา กันหะเนหะ อุมะอุมิ" เป็นหลัก

     การปลุกเสกของหลวงพ่อเหลือท่านอาศัยเรื่องฤกษ์ยามและดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นอย่างมาก  ไม่ใช่ทำเสร็จเมื่อไหร่ก็เสกกันเมื่อนั้น  หากทำอย่างนั้นจะไม่ขลัง  คาถาหัวใจโจรคืออะไร  บางคนนึกว่าเป็นคาถาสำหรับการออกรบต่อสู้นักเลงไปในทางนั้น  แต่ความเป็นจริงแล้วคำว่า  หัวใจโจร  ในที่นี้หมายถึง  การได้อะไรมาโดยง่ายแบบปุบปับฟลุคๆ  ไม่คาดคิดไม่นึกไม่ฝัน  นี่ต่างหากที่เป็นความหมายอันแท้จริงของคำว่าหัวใจโจร  ไม่ใช่หมายถึงการไปปล้นไปฆ่าอย่างที่ใครหลายคนคิดเอาเอง

     พระเกจิคณาจารย์นั้นท่านน้อมเอาปรัชญาต่างๆ  แอบซ่อนเอาไว้ในเครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างอยู่เสมอ  จนน้อยคนนักหากไม่ได้ศึกษาอย่างเจนจบจะไม่อาจพบในเรื่องของเงื่อนงำแห่งปรัชญาได้เลย  การปลุกเสกของหลวงพ่อเหลือ  ท่านได้ใช้ฤกษ์ยามว่าด้วยสูตรแห่งโหราศาสตร์ด้วย  เมื่อพระคาถาเป็นคาถาหัวใจโจร  ฤกษ์ในการปลุกเสกก็ต้องอาศัยฤกษ์เฉพาะที่เป็นเหล่าก๊กแห่งโจร  หลวงพ่อเหลือจึงต้องปลุกเสกในช่วงเวลา  3  ทุ่มครึ่งขึ้นไปของทุกวัน  ซึ่งในห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาแห่งดาวราหูมีตัวแทนคือเลข 

     สำหรับวันที่ปลุกเสกหลวงพ่อจะปลุกเสกในวันอังคาร  วันศุกร์  และวันเสาร์  ปลัดขิกในบาตรที่ท่านนำใส่เอาไว้จะต้องปลุกให้ครบสามวันตามที่กล่าวมาในช่วงเวลาสามทุ่มครึ่ง  เพราะกำลังแห่งก๊กโจรทางภาษาโหรศาสตร์นั้น  กำหนดเอาไว้ด้วยกลุ่มดาว  4  ดวง  กล่าวคือ  ดาวอังคาร  มีตัวแทนคือเลข    ดาวศุกร์มีตัวแทนคือเลข    ดาวเสาร์มีตัวแทนเป็นเลข    และดาวราหูมีตัวแทนเป็นเลข   

     สรุปเลขก๊กโจรคือ          (ของโหราศาสตร์)  แต่ทว่าในปฏิทินสากลทั่วไปไม่มีวันราหูจึงต้องอาศัยดาวราหูในการกำหนดฤกษ์ยาม  เวลาของดาวราหูคือตอนกลางคืน  ตั้งแต่สามทุ่มครึ่งเป็นต้นไป

     เมื่อหลวงพ่อเหลือปลุกเสกตามฤกษ์ยามนี้จึงเป็นการทำที่ครบก๊กพอดี  เครื่องรางของท่านจึงมากไปด้วยอานุภาพนัก  เลข    มีความหมายสื่อไปถึงจิ๊กโก๋กล้าได้กล้าเสีย  เลข    มีความหมายสื่อไปถึงครูโจร  คือ  นักวางแผนในการทำงาน  เลข    สื่อไปถึงผู้มีใจนักเลงผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก  (ไม่ใช่อันธพาล)

     อานุภาพของปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ   คือ   ดีด้านคงกระพันและเมตตาโชคลาภเป็นยิ่งนัก  แต่เป็นโชคลาภที่ได้มาจากการไม่ต้องร้องขอแต่ประการใด   เป็นโชคลาภแบบอยู่เฉยๆ   นิ่งๆ  เดี๋ยวมาเองเดี๋ยวดีเองคนรุ่นเก่าบอกว่า  หากใส่ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือเพื่อจีบสาวให้เอามาไว้ที่เอวทางซ้าย  หากจะเข้าหาเจ้านายให้เอามาไว้ที่เอวข้างขวา  หากเกิดเหตุคับขันให้หันเอาไว้ข้างหน้า  หากจะถอยให้เอาไว้ด้านหลัง  เวลาจะใช้ในการใดเมื่อหันไปถูกตำแหน่งที่ต้องการแล้วให้กลั้นหายใจว่าคาถากำกับคือบทหัวใจโจร  กัณหะ  เนหะ  แล้วทุกอย่างจะเป็นไปสมปรารถนาทุกประการ

     อีกอย่างหนึ่งชื่อของท่านเป็นที่ชื่อที่ดีมาก  ใส่แล้วจะได้เหลือกินเหลือใช้  แต่สำหรับพ่อค้าแม่ขายไม่นิยมเอาปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือไปในร้านหรือขณะขายของ  เพราะกลัวเป็นไปตามชื่อของท่านคือ  เหลือ  หรือว่าขายของไม่หมดนั้นเอง

     คนรุ่นเก่าๆ  เล่าว่า  หลวงพ่อเหลือท่านเป็นคนเงียบๆ  ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครเท่าไหร่นัก  กลางคืนท่านก็จะนั่งภาวนาของท่านด้วยการจุดเทียนหนึ่งเล่มในกุฏิ  จากนั้นท่านก็นำเอาปลัดขิกมาวางที่หน้าเทียนแล้วภาวนาไปเรื่อยๆ  จนครึ่งคืน  (คาดว่าประมาณสองยามหรือเที่ยงคืน)  แล้วเป็นพอ

มีคนเคยกล่าวว่า  ตำราของการปลุกเสกเครื่องรางทุกชนิดนั้น  ผู้ปลุกเสกต้องใช้คาถาภาวนาร่วมกันปลุกเสกจนกว่าเครื่องรางนั้นจะเคลื่อนที่เองได้ราวมีชีวิต  สำหรับปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือนั้นเมื่อปลุกเสกแล้วหลวงพ่อจะหยิบออกจากบาตรมาตัวหนึ่ง  ครั้นรุ่งสางหลังจากบิณฑบาตแล้วท่านจะลองโยนลงไปในแม่น้ำ  หากปลัดขิกนั้นไม่จมคือลอยน้ำได้  แล้ววิ่งทวนน้ำได้  เป็นอันว่าการปลุกเสกปลัดขิกชุดนี้เสร็จสมบูรณ์  

SPECIALS THANK ; ท่านนายกฯ สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย (ป๋าพยัพ คำพันธุ์) , คุณแต้ ขมังเวทย์ , คุณป้อม ท่าพระจันทร์ , เฮียสมโภช บางบัวทอง , คุณเสี่ยตั้ม คติพุทธ , คุณราช รามัญ , คุณเมธี บุญทอง , คุณแจ้ เสนา , คุณเติ้ง รักษ์ศิลป์ ฯลฯ

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
085-8798569
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด